Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านให้น่าอยู่ อบอุ่น เป็นกันเอง ตามสไตล์โฮมมี่

                 เหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานประจำตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์แล้ว พอถึงวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดพักผ่อน หลายคนก็คงอยากจะหลบหลีกความวุ่นวายของบรรยากาศในเมือง ออกมาอยู่ในบรรยากาศสบายๆ กันบ้าง ซึ่งเราสามารถทำให้บ้านของเราเองมีบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในแบบที่ว่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน วันนี้เรามีไอเดียการตกแต่งบ้านที่เรียกว่า สไตล์โฮมมี่ มาแนะนำ จะมีวิธีการตกแต่งอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันเลย

สวนสวยในบรรยากาศอบอุ่น
ในวันหยุดสบายๆ ใครๆ ก็คงอยากจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนนอกบ้านชิลล์ๆ ลองเลือกวัสดุประเภทไม้มาเป็นองค์ประกอบหลัก แล้วปรับสวนให้มีบรรยากาศอบอุ่น สะท้อนอารมณ์บ้านๆ โดยการนำวัสดุที่สื่อถึงความเป็นพื้นบ้านอย่างลำไม้ไผ่ มาทำเป็นฝ้าเพดาน แล้วประดับเพิ่มเติมด้วยงานหัตถกรรม และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์เรียบง่าย เสริมอารมณ์ธรรมชาติเข้าไปด้วยต้นไม้กระถาง เท่านี้ก็เป็นมุมพักผ่อนแบบกันเองท่ามกลางธรรมชาติแล้ว

ตกแต่งบริเวณหน้าประตูบ้านให้น่ามอง
ลองมาเปลี่ยนมุมเล็กๆ อย่างประตูหน้าบ้านที่หลายคนมักมองข้ามให้อบอุ่นมากขึ้น ด้วยการใช้กระจกโปร่งๆ เป็นตัวช่วย เน้นการเปิดโล่งด้วยกระจกใสเพื่อรับแสงจากธรรมชาติให้มากที่สุด คู่กับประตูบานไม้ ที่นอกจากจะทำให้ดูทันสมัยขึ้นและอบอุ่นมากๆ แล้ว การตกแต่งด้วยกระจกยังช่วยเพิ่มความสว่างให้กับภายในตัวบ้านได้อีกด้วย

เจือกลิ่นอายชนบท
แม้บ้านจะอยู่ติดถนนกลางเมือง แต่ก็สร้างบรรยากาศอบอุ่นแบบโฮมมี่ได้ ด้วยการตกแต่งภายในโดยเน้นโทนสีไม้ เข้ากันดีกับผนังกระจกโปร่ง และมีการนำไม้มากรุผนังในบางส่วน วางโต๊ะเก้าอี้เรียบง่ายเป็นมุมสบายๆ ข้างหน้าต่าง เพิ่มเติมด้วยการประดับดอกไม้แห้ง โคมไฟตะเกียง ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นให้กับบ้านได้ดีเช่นกัน

ห้องนั่งเล่นแสนสบาย
มุมนั่งเล่นเป็นมุมที่คนในบ้านใช้งานกันบ่อยที่สุด ทั้งนั่งเล่น ดูทีวี กินของว่าง รวมทั้งใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน จึงควรเน้นตกแต่งห้องนั่งเล่นให้ดูสบายตา เช่น โทนสีขาว เขียว และสีไม้ธรรมชาติ ในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ที่เข้ากันทั้งยุคสมัยและดีไซน์ รวมทั้งงานสาน งานหวาย และผ้าทอ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระถางต้นไม้ หรือตะกร้าใส่ของ จับวางรวมกันแล้วดูกลมกลืนสุดๆ

             ขอแค่รู้จักการเลือกสไตล์การตกแต่งได้ดี เราก็จะสามารถทำให้บ้านดูอบอุ่น น่าพักผ่อนได้หมด ไม่ว่าบ้านจะเป็นแบบไหน มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเดิมที่แสนจะธรรมดาให้น่าอยู่ตามสไตล์โฮมมี่ ที่ทั้งผ่อนคลาย อยู่สบาย และมีความสุขในทุกๆ วันกันเถอะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ

             ห้องนอน นับเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลากับมันมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน เพราะต้องใช้นอนทุกวัน ฉะนั้นการมีห้องนอนที่สวยงามน่านอน ย่อมดีกว่าห้องนอนเน่าๆ โทรมๆ เป็นไหนๆ แต่ใครก็รู้ดีว่า การจะตกแต่งห้องให้สวยงามน่านอนได้นั้น จะต้องใช้งบประมาณไม่น้อยเลย จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหยิบเอาข้าวของง่ายๆ ใกล้ตัว มาเป็นไอเท็มเสริม

ช่วยแต่งเติมให้ห้องนอนแสนรักมีบรรยากาศน่านอนยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองงบประมาณมากมาย นอกจากนี้ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้เป็นเจ้าของห้องได้ดีอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียตกแต่งห้องนอนอยู่ วันนี้เรามีไอเดียแต่งห้องนอนแบบประหงัดงบมาแนะนำ

เตียงนอนจากไม้พาเลท
ไอเดียนี้นับว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างมาก คือการนำลังใส่สินค้าหรือไม้พาเลทเหลือใช้ มาวางเป็นแท่นสำหรับเตียงนอนแบบเรียบง่ายโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นำมาวางต่อกันก็กลายเป็นเตียงดีไซน์สุดชิคได้แล้ว ส่วนบริเวณหัวเตียงก็สามารถนำลังไม้เก่ามาดัดแปลงเป็นชั้นวางของแนวๆ ได้อีกด้วย รับรองว่าเก๋ไม่ซ้ำใครแน่นอน

เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นและเรียบง่าย
เมื่อต้องการจะตกแต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ ก็ควรตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เท่าที่จำเป็น แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ครบครัน อย่างเช่นการวางฟูกนอนกับพื้น ส่วนบริเวณผนังหัวเตียงทำเป็นขอบยื่นออกมา สำหรับใช้วางของใช้และของตั้งโชว์ เพิ่มเติมด้วยการเลือกชั้นไม้ราคาประหยัดมาใช้เป็นโต๊ะข้างเตียง เท่านี้ก็ช่วยให้บรรยากาศในห้องนอนดูสวยแบบเรียบง่าย เป็นกันเอง แถมยังน่านอนสุดๆ แล้ว

ตะแกรงเหล็กหัวเตียง
หากห้องนอนของใครรู้สึกว่าพื้นที่บริเวณหัวเตียงดูโล่งเกินไป ลองมาเพิ่มความโดดเด่นด้วยตะแกรงเหล็กในลุคอินดัสเทรียลกันสักหน่อยดีกว่า โดยการนำตะแกรงเหล็กมายึดกับผนังด้านหัวเตียง จากนั้นก็นำแผ่นไม้เหลือใช้มาติดไว้ในบางช่อง เพื่อเป็นการสร้างลูกเล่นให้ห้องนอนมีมิติ ไม่น่าเบื่อ

หมอนอิงสวยๆ ช่วยได้
อีกหนึ่งวิธีสุดง่าย และเรียกได้ว่าประหยัดงบในกระเป๋าได้มากที่สุด นั่นก็คือการเลือกหมอนอิงเก๋ๆ มาใช้ในการตกแต่งให้ห้องนอนจืดๆ ดูมีสีสันขึ้นได้แบบทันตา หรืออาจเลือกใช้เป็นหมอนดีไซน์แปลกๆ ก็ได้ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันได้เลย

                 ใครที่รู้สึกว่าตัวเองงบน้อย แต่อยากตกแต่งห้องนอนให้สวยแปลกตา และน่านอนในแบบที่ไม่เหมือนใคร ในราคาที่สามารถจ่ายได้แบบสบายกระเป๋า ก็อย่าลืมนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้กับห้องนอนของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียของแต่งบ้านจาก “สปริงที่นอน”

                ใครมีที่นอนเก่า ที่ใช้งานมานานจนสปริงเริ่มเสื่อม นอนๆ ไปมันชักจะไม่เด้งดึ๋งเหมือนเดิมแล้ว หรือจะพูดว่าเริ่มหมดสภาพการใช้งานก็ว่าได้ จะทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดาย เพราะซื้อมาก็ตั้งแพง วันนี้เราเลยมีไอเดียเปลี่ยนสปริงใต้ที่นอนเก่า ให้กลายเป็นของแต่งบ้านชิ้นใหม่ ที่เห็นแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่า ของเหล่านี้ทำจากมาจากสปริงใต้ที่นอนเก่าๆ ของเรานี่เอง จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย

แชนเดอเลียเอาท์ดอร์หรูๆ          

เมื่อเลิกใช้ที่นอนเก่าแล้ว เราสามารถถอดสปริงใต้ที่นอนมาทำอะไรได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการนำมาตกแต่งไฟเพื่อทำเป็นแชนเดอเลียบริเวณพื้นที่เอาท์ดอร์ โดยอาจนำเถาองุ่นเทียม และไฟกระพริบมาประดับเพิ่มความโรแมนติกด้วยก็ได้ เมื่อเปิดไฟ แชนเดอเลียช่อนี้ก็จะเปล่งแสงวิบวับ สวยงามน่ามองเป็นที่สุด

ที่ปลูกต้นไม้เท่ๆ
ของเก่าทุกชิ้นถ้าเรายังเห็นคุณค่า ก็สามารถที่จะทำมันให้กลับมามีชีวิตขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสปริงใต้ที่นอนของเรา เพียงแค่นำมันมาทาสีให้สวยตามใจชอบ จากนั้นก็นำกระถางต้นไม้เล็กๆ ไปใส่ไว้ตามช่องต่างๆ ของสปริง หรือจะปลูกต้นไม้โดยใช้กาบมะพร้าวหุ้มต้นไม้ แล้วจับเสียบลงไปในแต่ละช่องของขดสปริงเลยก็ได้

ที่เก็บขวดไวน์เก๋ๆ

ด้วยรูปทรงและขนาดของขดสปริงใต้ที่นอน ที่เป็นรูปแบบที่เหมาะสม และขนาดกำลังดีสำหรับการวางขวดเครื่องดื่ม จึงเหมาะที่จะทำเป็นที่เก็บขวดไวน์มากที่สุด เพียงแค่เราถอดสปริง และนำมาติดกับไม้เก่าเคลือบแลคเกอร์ เท่านี้ก็จะได้ที่เก็บขวดไวน์ติดผนังเก๋ๆ แล้ว

ที่เสียบจดหมายชิคๆ

นอกจากนี้ ด้วยรูปทรงของขดสปริงดังกล่าว เรายังสามารถนำมาดัดแปลง ทำเป็นที่เสียบซองจดหมาย นามบัตร หรือการ์ดใบเล็กๆ แล้วนำมาตั้งประดับไว้บนโต๊ะทำงานได้ด้วยเช่นกัน

ที่วางดอกไม้คูลๆ

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ เรายังสามารถสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงสไตล์อบอุ่น ด้วยการประดับช่อดอกไม้เล็กๆ บนโต๊ะอาหาร และนำขดสปริงจากที่นอนเก่า มาทำเป็นที่วางดอกไม้ได้เหล่านี้ได้ นอกจากช่วยให้ประหยัดแล้ว ยังสวยงามน่ามองไม่แพ้แจกันแพงๆ ด้วยนะ

              ทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงไอเดียบางส่วนเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วเรายังสามารถนำขดสปริงจากที่นอนเก่ามาใช้ทำประโยชน์ได้อีกมากมาย คราวหน้าคราวหลังก่อนจะทิ้งที่นอนเก่า ก็อย่าลืมแกะเอาขดลวดสปริงออกมาก่อนล่ะ จะได้ไม่ต้องทิ้งไปให้เสียของ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ตกแต่งบ้านให้มีมิติ ด้วยไม้ระแนง

                 หากพูดถึง ไม้ระแนง หลายคนมักนึกถึงบ้านยุคเก่า ที่นิยมติดตั้งระแนงในส่วนของช่องลมห้องครัว เพื่อระบายกลิ่นและควัน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้เห็นการแต่งบ้านด้วยระแนงในส่วนอื่นๆ กันมากขึ้น ทั้งยังถูกนำมาประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม้ระแนงมีเอกลักษณ์บางอย่าง ที่สร้างสุนทรียภาพให้กับบ้านได้ พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • รั้วบ้าน
    รั้วบ้านเป็นส่วนบ่งบอกขอบเขต และสร้างความปลอดภัยให้บริเวณบ้าน เราสามารถหยิบไม้ระแนงมาประยุกต์ใช้กับงานรั้วได้ดี เพราะมีความโปร่ง รับแสง รับลม และสร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เพื่อนบ้านมองเข้ามาเห็นภายในบ้านได้มากเกินไป ทั้งยังทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง ส่วนการวางระยะห่างของไม้แต่ละชิ้น ก็สามารถเลือกได้ตาต้องการ ซึ่งหากตีระยะห่างจะเปิดบ้านให้ดูโปร่งโล่งกว่าการตีชิด

รูปที่ 2

  • หลังคาโรงรถ / หลังคาระเบียง
    หลังคาโรงรถ และหลังคาระเบียงบ้าน ควรเป็นส่วนที่มีความปลอดโปร่ง ไม่ทึบเกินไป ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้ไม้ระแนงคู่กับกระจกกันแสง หรือแผ่นโปร่งแสงที่ช่วยกันร้อน แต่ยังรับแสงจากธรรมชาติได้ ทำให้พื้นที่ภายใต้หลังคาไม่มืดทึบหรืออึดอัด สำหรับหลังคาระเบียง อาจทำเป็นซุ้มระแนงปลูกไม้เลื้อย เป็นการเพิ่มความสดชื่นไปในเวลาเดียวกันได้
  • ที่บังแดด 
    ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน คงจะดีหากเราศึกษาเรื่องทิศทางของแสงและลม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ทั้งเรื่องช่องทางระบายอากาศ หรือการติดตั้งระแนงบังแดดในด้านที่ต้องรับแสงมากกว่าทิศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดได้ในระยะยาว ทั้งช่วยลดความร้อนอบอ้าว และการประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
  • พาร์ทิชันกั้นห้อง
    บางมุมของบ้านที่ต้องการแบ่งสรรสัดส่วนการใช้งานออกจากกัน แต่ยังต้องการให้สามารถมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ไม่ถูกตัดขาดเหมือนการกั้นด้วยผนังก่อทึบ เช่น ห้องรับแขกกับห้องครัว หรือ ห้องนอนกับโซนแต่งตัว การใช้พาร์ทิชันไม้ระแนง นับเป็นหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ได้ดี และทำให้บ้านไม่ดูแคบลงด้วย

              สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุไม้ ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ทำระแนง ไม่ได้มีเฉพาะที่ทำจากไม้จริงเท่านั้น ยังมีวัสดุสังเคราะห์ อย่างพวกไฟเบอร์ซีเมนต์ ไวนิล และพลาสติกผสมใยไม้ เพื่อรองรับกับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย และทนทาน ทั้งยังสามารถใช้งานภายนอกได้ดีกว่าไม้จริง ในราคาที่ถูกกว่า และไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยากอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

องค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่

                การจะจัดและตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่อาศัยได้นั้น จะต้องจัดองค์ประกอบทุกส่วนของบ้านทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งบริเวณบ้าน ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมตามสภาพของบ้าน และประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงงบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งองค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงาม มีดังต่อไปนี้

  1. ความเป็นสัดส่วน
    ความสมดุลของการตกแต่งบ้าน ขึ้นอยู่กับการจัดของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ ให้คงความเป็นสัดส่วนกับเนื้อที่ของบ้าน โดยจำเป็นต้องกำหนดโซนของพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม เช่น ส่วนไหนเป็นจุดรับแขก ส่วนไหนเป็นมุมส่วนตัว ซึ่งหากไม่มีความเป็นสัดส่วน บ้านก็จะไม่น่าอยู่ และการตกแต่งบ้านให้เป็นสัดส่วน จะช่วยให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น เป็นระเบียบ และยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
  • แสงและสี
    ความสำคัญของแสงและสี จะช่วยให้การตกแต่งบ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดย แสง หมายถึงการควมคุมแสงสว่างภายในบ้านให้เหมาะสม ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน การวางจุดของหน้าต่าง การเลือกรับแสงยามเช้าหรือบ่ายจากดวงอาทิตย์ เช่น การใช้ม่านปรับแสง ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับบ้าน ส่วน สี มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก เช่น กลุ่มสีโทนร้อน และกลุ่มสีโทนเย็น จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน นอกจากนี้ สียังบ่งบอกถึงยุคสมัยของการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
  • ประเภทวัสดุ
    ในปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งบ้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ การจะเลือกวัสดุใดมาใช้งาน จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการตกแต่งบ้าน ซึ่งควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามรูปแบบของการตกแต่งโดยรวม เช่น หากโต๊ะเป็นไม้ ก็ไม่ควรใช้เก้าอี้เป็นพลาสติก เพราะจะทำให้ดูไม่เข้ากัน
  • สร้างจุดสนใจ
    ในการตกแต่งบ้าน ควรต้องมีการสร้างจุดสนใจ โดยอาจนำสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้านมาใช้ในการตกแต่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ของรักของหวง ของหายาก หรือรางวัลที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะพบเห็นได้ทั่วไป อย่างตู้โชว์ของสะสมต่างๆ หรือแม้กระทั่งของตกแต่งแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นตาคนทั่วไป สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถนำมาสร้างเป็นจุดสนใจได้ทั้งสิ้น

              ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงองค์ประกอบเบื้องต้นที่จะทำให้การตกแต่งบ้านดูสวยงามน่าอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่แตกต่างออกไปตามรูปแบบบ้าน รวมทั้งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมและกาลเวลาด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เรื่องพลาดๆ ของการตกแต่งไฟในบ้าน

               หลายคนมักทำผิดพลาด เกี่ยวกับการตกแต่งแสงไฟในบ้าน เพราะเรื่องของไฟไม่ใช่แค่ให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดบรรยากาศในบ้านด้วย เรียกว่าถ้าอยากให้บ้านออกมาลุคไหน ก็ใช้ไฟเป็นตัวกำหนดได้เลย วันนี้เราได้รวบรวม ข้อผิดพลาดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องไฟในบ้านมาให้ดูกัน ลองไปเช็กกันดีกว่าว่าเราพลาดตรงไหนกันบ้าง จะได้แก้ไขทัน

  1. เน้นแสงไฟจากแหล่งเดียว         

แสงที่ดีควรต้องมีความหลากหลาย ดังนั้นอย่ายึดติดกับแสงแค่แหล่งเดียว เช่น ไฟเพดาน แต่ให้ผสมผสานความแตกต่างของแสงหลายๆ แหล่ง ทั้งจากเพดาน จากพื้น โคมไฟบนโต๊ะ และโคมไฟข้างเตียง เป็นต้น ซึ่งแสงที่สว่างลดหลั่นกันเหล่านี้ จะสร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

  • ไม่คำนึงถึงเรื่องวัตต์         

อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินความสว่างที่ต้องการในบ้าน แต่ควรใช้ความรู้เรื่องวัตต์เป็นตัวตัดสิน เช่น มุมที่ใช้อ่านหนังสือจะต้องการความสว่าง 75-100 วัตต์ ส่วนไฟเพดานห้องน้ำควรจะอยู่ที่ 75 วัตต์ เป็นต้น

  • ใช้แสงไฟสว่างจ้าเกินไป         

อย่าใช้ไฟที่สาดแสงแรงจนเกินไป เพราะจะให้ความรู้สึกกำลังถูกจับจ้องอยู่บนเวที ไม่ว่าจะห้องไหนๆ ในบ้าน เพราะแสงไฟไม่ควรทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือกังวล เหมือนกับกำลังอยู่บนเวทีอะไรซักอย่าง

  • ใช้ไฟเยอะเกินไป          

ควรใช้ไฟเท่าที่จำเป็น เพราะการติดตั้งไฟมากเกินไป อาจทำให้บรรยากาศในบ้านดูเหมือนงานวัด นอกจากนี้ควรเลือกชนิดของไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เช่น ห้องน้ำอาจต้องใช้ไฟเพดาน แต่หากติดไฟเพดานในห้องนั่งเล่น อาจทำให้บรรยากาศดูไร้มิติได้ 

  • ติดสวิตช์ไฟไว้ผิดที่         

สวิตช์ไฟก็ควรจะอยู่ใกล้กับประตูเข้า-ออกเท่านั้น โดยอย่าลืมคำนึงถึงความสูง หรือตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย โดยต้องพิจารณาร่วมกับเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของประดับบนผนังด้วย

  • ใช้แสงไฟแบบปรับความสว่างไม่ได้         

แสงไฟคือตัวสร้างบรรยากาศในบ้าน ดังนั้นควรติดตั้งไฟแบบที่ปรับความสว่างได้ เวลาต้องการความผ่อนคลายจะได้หรี่ไฟให้แสงนุ่มนวล แต่หากต้องการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสง ก็จะได้เร่งความสว่างได้ง่ายๆ

  • ไม่ติดไฟในตู้เสื้อผ้า
    นอกจากการติดไฟในห้องต่างๆ ภายในบ้านแล้ว ในตู้เสื้อผ้าก็ต้องการไฟเช่นกัน ดังนั้นอย่าละเลยที่จะติดไฟในตู้เสื้อผ้าด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในยามที่ต้องการจับคู่สีเสื้อผ้า หรือรื้อหาถุงเท้าที่สีดูคล้ายกันไปหมด

              อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่เผลอทำข้อไหนผิดพลาดไปบ้าง ก็อย่าลืมแก้ไขให้ถูกต้องกันนะ เพื่อบ้านที่สวยดูดี จะได้อยู่กับเราไปอีกนานๆ ยังไงล่ะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

Rustic Home

บ้านสไตล์ชนบทอันแสนอบอุ่น

การแต่งบ้าน สไตล์รัสติก (Rustic) เหมาะกับคนที่อยากให้บ้านมีกลิ่นอายธรรมชาติสุดอบอุ่น หรือคนที่อยากมีบ้านผักตากอากาศที่มีเสน่ห์ในสไตล์ชนบท เพราะการตกแต่งสไตล์นี้เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติป็นหลัก เช่น หิน ไม้ เชือก หรือผ้า รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความสมบูรณ์ หรือความใหม่ของวัสดุ แต่ใช้ความงามจากวัสดุธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มาสร้างเสน่ห์และความงามเฉพาะตัวในแต่ละช่วงเวลา จับคู่กับการเลือกใช้สีโทนธรรมชาติและโทนอบอุ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่และมีเสน่ห์อย่างลงตัว เราไปดูกันดีกว่าว่าหากสนใจจะแต่งบ้านสไตล์นี้จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

งานไม้
แกนหลักของการแต่งบ้านสไตล์รัสติก คือการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้มาเป็นองค์ประกอบหลักของการตกแต่ง เน้นโชว์งานไม้เพื่อให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายธรรมชาติอย่างแท้จริง เช่น คานไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ อย่าง ชุดโต๊ะกินข้าว ตู้ไม้ และชั้นวางของไม้ เป็นต้น

กำแพงหิน
วัสดุธรรมชาติไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เท่านั้น ยังมีหินหรืออิฐที่สามารถนำมาใช้ตกแต่ง สร้างบรรยากาศแบบรัสติกในบ้านได้เป็นอย่างดี ในต่างประเทศจะนิยมนำหินมาทำเป็นเตาผิง แต่คงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราเท่าไหร่ จึงแนะนำให้ใช้หินตกแต่งผนังด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้านแทน เพื่อเพิ่มมิติภายในบ้านให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

โซฟาผ้า
จุดเด่นของบ้านสไตล์นี้คือการสร้างความอบอุ่นภายในบ้าน และเทคนิคหนึ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ก็คือ การใช้โซฟาผ้าสีอ่อนอย่างสีเทาอ่อน แล้วประดับด้วยหมอนอิงน้อยใหญ่หลายๆ ใบ อาจปูพรมอีกสักผืนเพื่อเพิ่มความสบาย เพียงแค่นี้ก็ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นอีกมาก

โคมไฟแขวน
อีกหนึ่งของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์รัสติกได้ดี คือโคมไฟโครงเหล็กแบบแขวน ซึ่งจะสอดรับกับโครงหลังคาจั่วของบ้านสไตล์ฝรั่งชนบทที่มักใช้หลังคาจั่ว และติดตั้งโคมไฟแบบแขวน เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ควรเลือกใช้หลอดไฟสีส้มเป็นหลัก เพราะสีส้มเหลืองของหลอดไฟจะเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน ช่วยสร้างความอบอุ่นสบายตาภายในบ้านได้อีกระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้การตกแต่งสไตล์นี้จะเน้นใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลัก แต่หากเราตกแต่งบ้านทั้งหลังด้วยสีไม้ ก็อาจทำให้ดูเป็นบ้านพักกรมป่าไม้ไปหน่อย อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้ คือการหยิบเอาสีอ่อนๆ อย่างสีขาวเข้ามาช่วยในการตกแต่ง ซึ่งจะทำให้บ้านไม่เป็นสีโทนเดียวจนเกินไป แต่ก็ยังสามารถเข้ากันได้ดีกับสีไม้ หรือจะใช้เป็นสีเทาอ่อน หรือสีเขียวอ่อนก็ได้เหมือนกัน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

วิธีแต่งบ้าน ที่เรามักพลาดกันบ่อยๆ

เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจะแต่งบ้านให้ออกมาสวยดูดี เป็นที่เจริญหูเจริญตา ทั้งต่อตัวเจ้าของบ้านเอง และแขกผู้มาเยือน แต่บางครั้งเราก็อาจเผลอทำผิดพลาดขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว จากการมองข้ามวิธีการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ตามที่ควรจะเป็น จนทำให้บ้านออกมาไม่สวยน่ามองอย่างที่ต้องการ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีแต่งบ้านแบบผิดๆ ที่คนมักทำพลาดกันเป็นประจำมาฝาก จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย

ซื้อพรมขนาดเล็กเกินไป
พรมสวยๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ในการตกแต่งบริเวณมุมนั่งเล่นหรือข้างเตียงในห้องนอน ให้ดูสวยโดดเด่น น่าสนใจขึ้นมาได้เยอะเลยทีเดียว แต่การซื้อพรมมาผิดขนาด นอกจากจะไม่ช่วยให้ห้องดูสวยแล้ว ยังจะทำให้ห้องดูแคบลงไปอีก เพราะพรมที่เล็กเกินไป จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาในทันที ฉะนั้นควรเลือกซื้อพรมที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นๆ ด้วย

เลือกเฟอร์นิเจอร์ผิดขนาด
โดยทั่วไป คนเรามักจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในแบบที่ชอบไว้ก่อน โดยไม่ค่อยสนใจองค์ประกอบอื่นๆ กันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของขนาดที่พอดีกับพื้นที่ห้องของตัวเอง ทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไปมาแต่งบ้านกันบ่อยๆ ทางที่ดีจึงควรวัดขนาดพื่นที่ห้องให้เรียบร้อย ก่อนออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์

ใช้สีอ่อนกับห้องที่สว่างอยู่แล้ว
สำหรับห้องที่เปิดรับแสงมากอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง ที่เป็นสีสว่างๆ เช่น สีขาว สีครีม หรือสีเหลืองอ่อน มากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สีในห้องดูซีดหมอง ไม่สดใส ควรหาสีโทนเข้มมาช่วยเสริม เพื่อให้ห้องดูมีมิติ น่ามองมากยิ่งขึ้น

ไม่หาต้นไม้มาประดับเลย
แม้จะเป็นคนที่ชื่นชอบการตกแต่งแนวโมเดิร์น แต่ก็ควรเลือกไม้ประดับสวยๆ มาใช้ตกแต่งห้องด้วย เพราะต้นไม้จะช่วยให้บรรยากาศของห้องดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเยอะ และยังเข้ากับการตกแต่งได้ทุกสไตล์ นอกจากนี้ยังช่วยให้บ้านดูผ่อนคลายได้มากขึ้น จึงถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ใส่ของจุกจิกมากเกินไป
สาวๆ หลายคน มักจะมีของสะสมจุกจิกน่ารักๆ เยอะ และก็อยากเอาออกมาโชว์แขกที่มาเยี่ยมบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรจำกัดจำนวนของโชว์ ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องรกจนไม่น่ามอง ควรเลือกของแบบที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านมาวางไว้เพียงไม่กี่ชิ้นก็พอแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครรู้ตัวว่าพลาด ก็ลองไปปรับวิธีการตกแต่งกันดูใหม่นะ เพื่อจะได้ห้องสวยแบบที่ใจต้องการ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เทคนิคการเลือกสมาร์ททีวีให้ถูกใจ และใช้งานได้คุ้มค่า

                สมาร์ททีวี นับเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากในเวลาเพียงไม่นานหลังจากเข้ามาในตลาด ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และมีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังมีราคาไม่แพงหากเทียบกับเมื่อก่อน แม้ว่าสเปคหรือฟังก์ชันต่างๆ จะมากขึ้นก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่าสมาร์ททีวีมีการผลิตรุ่นใหม่ๆ ออกมาทุกปี ราคาจึงไม่ได้สูงเหมือนเมื่อก่อน

ความแตกต่างของ สมาร์ททีวี กับ ทีวีธรรมดา

              สมาร์ททีวีใช้ระบบปฏิบัติการ OS โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ส่วนทีวีธรรมดาจะไม่สามารถทำได้ สมาร์ททีวีจึงใช้ประโยชน์ได้มากกว่า โดยเฉพาะฟังก์ชันที่ใช้อินเทอร์เน็ตต่างๆ เช่น ดูหนังออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ เล่นโซเชียลมีเดีย รวมทั้งเล่นเกม ส่วนระบบปฏิบัติการ OS ที่สมาร์ททีวีแต่ละรุ่นใช้ก็ไม่เหมือนกัน ก่อนจะเลือกซื้อสมาร์ททีวียี่ห้อไหน จึงควรทราบก่อนว่าสมาร์ททีวียี่ห้อนั้นใช้ระบบปฏิบัติการอะไร

  • Android TV เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในสมาร์ททีวีหลายยี่ห้อ ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายเหมือนการเล่นโทรศัพท์มือถือระบบ Android สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ผ่าน Play Store หรือ Google Play โดยการลงทะเบียนผ่านอีเมล

  • Web OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กับสมาร์ททีวียี่ห้อ LG เพียงยี่ห้อเดียว เพราะเป็นระบบปฏิบัติการที่ LG ผลิตขึ้นมาใช้เอง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ผ่าน LG Store และรองรับการใช้งานหลายหน้าจอพร้อมกัน

  • Firefox OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ระบบอื่นๆ เพราะมีฟีเจอร์สนุกๆ ให้เลือกเล่นมากมาย โดยสมาร์ททีวีที่ใช้ระบบนี้คือ Panasonic

  • Tizen เป็นระบบปฏิบัติการของ Samsung ที่พัฒนาจากระบบปฏิบัติการ Meego ให้ใช้ได้ง่ายมากขึ้น สามารถใช้งานได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วย Smart Hub

เทคนิคการเลือกสมาร์ททีวีให้ถูกใจและใช้งานได้จุใจกว่าเดิม

  1. เลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสม
    สมัยนี้สมาร์ททีวีราคาไม่สูงมาก หลายคนจึงอยากจะเลือกหน้าจอใหญ่ๆ ไว้ก่อน แต่ทั้งนี้การเลือกขนาดหน้าจอทีวี ก็ควรต้องเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้งานด้วย

  2. เลือกรุ่นที่มีความคมชัดสูง
    การเลือกสมาร์ททีวีรุ่นที่มีความละเอียดสูงๆ จะช่วยให้ใช้งานได้นานกว่า และรองรับการรับชมความละเอียดสูงในอนาคตได้
  • เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันเยอะไว้ก่อน
    เพราะสมาร์ททีวีถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของคนยุคใหม่ จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีและฟังก์ชันใหม่ๆ อยู่เสมอ การเลือกรุ่นที่มีหลายฟังก์ชันไว้ก่อนจึงได้เปรียบกว่า

  • มีพอร์ต HDMI
    เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต และการทำงานหลายรูปแบบ จึงควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ต HDMI เพราะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย

              สมาร์ททีวี นั้นมีความต่างกับทีวีธรรมดามาก เพราะเป็นการนำเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ หากใครที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ การเลือกใช้สมาร์ททีวีนับว่าตอบโจทย์

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

รวมเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิต ที่คนรักการแต่งบ้านต้องมี

                   สำหรับคนรักบ้านแล้ว การได้จัดบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือเลือกหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งบ้านให้ดูดีอยู่เสมอ นับเป็นกิจกรรมที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลายคนพอลุกขึ้นมาแต่งบ้านให้สวยงามแล้ว ก็สามารถขลุกอยู่กับบ้านได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ วันนี้เราเลยมีเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิตมาฝาก เพื่อเอาไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ มาแต่งบ้าน จะมีแบบไหนบ้าง ลองมาดูกัน

เฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล
เฟอร์นิเจอร์มินิมอล ที่นิยมมากได้แก่เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า เฟอร์นิเจอร์แบบมูจิ ซึ่งจะเน้นไปที่งานไม้สีอ่อนๆ พื้นผิวขัดเรียบ ดีไซน์น้อยตามสไตล์มินิมอล แต่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่น และกว้างขึ้น ให้ฟิลแบบญี่ปุ่น ไม่จัดจ้าน แต่เป็นระเบียบและดูสบายตา ใครไม่อยากตกเทรนด์ ก็ต้องรีบไปตามหามาแต่งบ้านกันด่วนๆ

เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ
เฟอร์นิเจอร์วัสดุธรรมชาติ นอกจากวัสดุไม้ที่ฮิตกันมากๆ แล้ว ปัจจุบันยังนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหินขัด หินควอทไซต์ หรือเทอราซโซ่ อย่างอ่างอาบน้ำ หรือเคาน์เตอร์ในครัว ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหรา และบรรยากาศสงบๆ ให้กับห้องได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ ก็ยังมีเฟอร์นิเจอร์จากวัสดุอื่นๆ ที่มาแรงอย่าง เก้าอี้ผักตบชวา หรือหวาย ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้บ้านดูเชย เพราะปัจจุบันมีการออกแบบให้ดูสมัย เข้ากับการแต่งบ้านได้หลายสไตล์ ใครอยากได้บ้านที่มีบรรยากาศแบบคาเฟ่เกาหลี ดูอบอุ่น ต้องไม่พลาด

เฟอร์นิเจอร์มือสอง
เฟอร์นิเจอร์มือสอง นับอีกหนึ่งเทรนด์ยอดนิยมตลอดกาล ส่วนราคาก็มีตั้งแต่แบบย่อมเยาว์ ไปจนถึงราคาแพงหูฉี่ ด้วยดีเทลแปลกตา มีเอกลักษณ์ และค่อนข้างไม่เหมือนใคร เฟอร์นิเจอร์มือสองบางชิ้นยังเป็นของเก่า ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และเต็มไปด้วยเรื่องราว จึงมีคุณค่า และราคาสูง แต่หากจะเลือกเฟอร์นิเจอร์มือสองมาแต่งบ้าน แนะนำให้เลือกจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และควรพิจารณารายละเอียดต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชัน
เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันได้รับความนิยมมากในการตกแต่งพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม โดยจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม ถือว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องดีไซน์ และการใช้ชีวิต เช่น โซฟาเบด เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของเยอะๆ หรือตู้เก็บของที่สามารถแปลงร่างเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย แม้บางชิ้นจะมีราคาสูง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้งาน

                   เป็นอย่างไรบ้างกับเฟอร์นิเจอร์สุดฮิตที่เราได้นำมาฝาก มีแบบไหนตรงกับใจกันบ้างรึเปล่า ถ้าชอบก็อย่าลืมไปซื้อไปหามาแต่งบ้านให้เข้าเทรนด์กันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทริคง่ายๆ สำหรับมือใหม่หัดทาสีบ้าน

                 เวลาที่บ้านของเราเกิดอาการผนังบวมจากน้ำฝน หรือร่อนแตกลายเพราะโดดแดดจัด แม้กระทั่งเบื่อสีผนังเดิม อยากเปลี่ยนเป็นสีใหม่ รู้หรือไม่ว่าสมัยนี้เราไม่จำเป็นต้องจ้างช่างให้สิ้นเปลืองแล้ว เพราะเราสามารถทำเองก็ได้ แต่ถ้าใครยังไม่เคยลอง วันนี้เรามีขั้นตอนการทาสีผนังห้องด้วยตัวเองมาฝาก ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

ขั้นตอน 1 : เลือกประเภทสีทาผนัง
การเลือกสีมาทาผนังนั้นไม่ยาก เพียงแค่เลือกให้ถูกว่าจะใช้สีทาภายในหรือสีทาภายนอก เช่น หากต้องการทาสีห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ก็ให้เลือกสีทาภายใน แต่ถ้าต้องการจะซ่อมแซมผนังนอกบ้าน ก็ให้เลือกสีทาภายนอก ส่วนเรื่องสี อยากได้โทนไหน เฉดไหน ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย

ขั้นตอน 2 : เตรียมผนังก่อนทาสี
การเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยให้สีใหม่ที่ทาไปเรียบเนียนและอยู่ทน ซึ่งขั้นตอนการเตรียมผนังอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผนังของแต่ละคน

  • หากมีวอลเปเปอร์แปะไว้ ให้แซะวอลเปเปอร์ และขัดกาวออกทั้งหมด
  • หากสีเก่าหลุดร่อน บวมผุ ก็ให้แซะออกให้เรียบร้อยก่อน
  • หากผนังมีคราบเชื้อรา ตะไคร่ หรือเขม่า ให้ใช้แปรงขัดทำความสะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า และปล่อยให้แห้งสนิทก่อน
  • หากผนังมีรอยร้าว ให้อุดรอยร้าวด้วยสีโป๊วปูนก่อน เวลาทาสีจะได้ไม่ตกร่อง
  • และขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมผนังก็คือ ใช้กระดาษทรายเบอร์ 3 ขัดให้ทั่วผนังที่ต้องการทาสี

ขั้นตอน 3 : ทารองพื้นก่อนลงสีจริง
สีรองพื้นจะช่วยให้สีจริงติดง่ายและอยู่ทน หากเลือกสีรองพื้นที่ป้องกันเชื้อรา หรือเป็นสีรองพื้นที่กันน้ำได้ ก็จะยิ่งดีมาก สีรองพื้นมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีและเหมาะกับสภาพผนังที่แตกต่างกัน เช่น สีรองพื้นสูตรน้ำ เหมาะกับผนังภายในบ้าน เพราะกลิ่นไม่ฉุนและแห้งเร็ว, สีรองพื้นสูตรน้ำมัน มีคุณภาพสูงกว่า แต่กลิ่นฉุน เหมาะกับผนังภายนอก โดยให้ทาสีรองพื้นทั่วผนังเพียง 1 ชั้น และรอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนลงสีจริง   

ขั้นตอน 4 : ทาสีผนัง
ขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการทาสีผนัง หลังจากสีรองพื้นแห้งสนิทแล้ว ให้เริ่มลงสีผนังได้เลย แนะนำให้ทา 2 ชั้น โดยทาสีชั้นแรกทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยทาสีชั้นที่ 2 ทับลงไป จะช่วยให้สีติดทน และกลบร่องรอยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอน 5 : เก็บรายละเอียด
ขั้นตอนสุดท้าย คือการเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สีชั้นที่ 2 แห้งสนิทแล้ว (ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน) ให้ใช้แปรงทาสีเก็บขอบมุมอีกรอบ แนะนำให้ทำอย่างใจเย็นไม่ต้องรีบ เท่านี้การทาสีผนังก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

                  การทาสีบ้านด้วยตัวเองนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่จะต้องใจเย็น อดทน ค่อยๆ เก็บรายละเอียด และใช้แรงกายมากสักนิด แต่เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้หายเหนื่อยแน่นอน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

จัดโต๊ะอาหารตามหลักฮวงจุ้ย เสริมพลังบวกให้

                  เรื่องของศาสตร์ ฮวงจุ้ย นับเป็นความเชื่อที่มีมายาวนาน และยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอจนกระทั่งปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าหากทำถูกต้องตามหลักแล้ว ก็จะช่วยเสริมให้เกิดโชคลาภ ความเจริญก้าวหน้า และนำพาแต่สิ่งดีๆ มาสู่คนในบ้าน ไม่เพียงเท่านั้นฮวงจุ้ยยังช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ และความสงบสุขของครอบครัวอีกด้วย

                  เมื่อพูดถึงฮวงจุ้ย หลายคนก็มักจะนึกไปถึงการจัดบ้าน หรือการตกแต่งห้องต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าแม้แต่พื้นที่เล็กๆ อย่างโต๊ะอาหาร ก็สามารถใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยมาเป็นตัวช่วยในการตกแต่งได้ด้วยเหมือนกัน

รูปทรงของโต๊ะ
ก่อนอื่นเลยควรเลือกโต๊ะอาหารให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง โดยรูปทรงที่ช่วยเสริมพลังงานด้านดี และเหมาะสมจะเป็นโต๊ะอาหารมากที่สุดก็คือทรงรีและทรงกลมที่มีความโค้งมน แต่หากจำเป็นต้องใช้ทรงสี่เหลี่ยม ก็อาจเสริมด้วยพรมเพื่อช่วยปรับให้สมดุลยิ่งขึ้น

ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะ
ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะอาหารที่ดีที่สุด คือ บริเวณกลางห้อง โดยหันมุมโต๊ะเล็กน้อยไปทางผนัง เพื่อให้พลังงานบวกไหลเวียนไปตามแนวเส้นโค้งได้

จัดโต๊ะแบบเรียบง่าย
การจัดโต๊ะอาหารเพื่อเพิ่มความสงบสุขให้กับคนในบ้าน ควรเน้นรูปแบบและสีสันที่เรียบง่าย โดยเลือกอุปกรณ์บนโต๊ะที่มีสภาพดี ไม่ว่าจะเป็น จาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม ไม่ควรบิ่นหรือแตกหัก ส่วนการตกแต่งตกโต๊ะควรมีแค่ 1 – 2 สี โดยเน้นเป็นลายเส้นแนวตั้ง จะช่วยเสริมพลังงานได้สูงกว่าลายอื่นๆ

ตำแหน่งที่นั่งบุคคลสำคัญ
บุคคลสำคัญของครอบครัว ควรนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งควรมีด้านหลังเป็นผนังหรือกำแพงทึบ ห่างจากประตู และไม่ควรมีหน้าต่างอยู่ด้านหลัง เพราะจะทำให้สูญเสียพลังงาน และรู้สึกไม่มั่นคง

ผลไม้ ดอกไม้ เสริมความสุข
ลองนำภาชนะทรงกลมใส่ผลไม้วางไว้กลางโต๊ะอาหาร หรือจะเป็นแจกันดอกไม้เสริมความสดชื่นสดใสก็ได้ โดยเป็นให้ใช้เป็นดอกไม้สด ควรหลีกเลี่ยงดอกไม้แห้ง เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนล้าแทนสดชื่น สำหรับผลไม้แนะนำเป็น ส้ม แอปเปิ้ล และลูกแพร์ จะช่วยเสริมความร่ำรวย มั่งคั่ง และสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

                 และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยเนรมิตโต๊ะอาหารในบ้าน ให้กลายเป็นจุดที่รับแต่พลังงานด้านบวกเข้ามา ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ให้พูดคุยกันเข้าใจกัน และมีแต่ความสงบสุข ใครที่อยากให้การทานข้าวร่วมกันในทุกๆ วันของคนในครอบครัว นำพามาแต่เรื่องดีๆ ก็ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับโต๊ะอาหารที่บ้านของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

ขจัดคราบเปื้อนบนเสื้อผ้า จากของง่ายๆ ใกล้ตัว

               ปัญหาคราบเปื้อนบนเสื้อผ้า นับเป็นปัญหาที่ทุกบ้านต้องเคยเจอ ยิ่งถ้าบ้านไหนมีเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว ก็น่าจะยิ่งรู้ซึ้งถึงปัญหานี้ได้ดีกว่าใคร วันนี้เราเลยรวบรวมวิธีกำจัดคราบยอดฮิตบนเสื้อผ้าเจ้าตัวเล็ก ด้วยของที่มีอยู่ในบ้านมาฝาก รับรองว่าง่าย รอยเปื้อนหนีกระจายแน่นอน

ดินสอ
วางใจได้เลยสำหรับบ้านที่มีลูกเป็นศิลปิน แถมยังชอบสร้างผลงานบนเสื้อ เพราะพวกรอยดินสอที่เด็กๆ เค้าฝากไว้นั้น สามารถกำจัดได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ ยาสีฟัน ป้ายลงไปบนรอยดินสอ แล้วขยี้เบาๆ จนรอยเริ่มจาง จากนั้นก็นำไปซักตามปกติเลย จากนี้จะมาอีกกี่รอยก็รับไหว

หมึกปากกาลูกลื่น
บางทีเจ้าตัวเล็กก็ยุ่งวุ่นวาย ชอบไปจับนู่น จับนี่ มาขีดเขียน อย่างปากกาลูกลื่นนี่ก็เหมือนกัน เผลอแป๊บเดียว รู้ตัวอีกที ก็มีลายเส้นมาปรากฏบนเสื้อผ้าซะแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง เพราะรอยเปื้อนจากหมึกแบบนี้เอาออกง่าย แค่นำเสื้อที่เปื้อนมาวางทับไว้บนผ้าแห้งสะอาด จากนั้นนำสำลีชุบ แอลกอฮอล์ ชุ่มๆ ค่อยๆ กดลงไปที่รอยเปื้อน ให้หมึกปากกาค่อยๆ ละลาย แล้วก็ป้ายผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าลงบนคราบอีกครั้ง ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วขยี้เบาๆ ก็สามารถนำเสื้อไปซักตามปกติได้

ซอสมะเขือเทศ
อาหารของเด็กๆ มักมีซอสมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น มักกะโรนีผัดซอส,ไส้กรอกต่างๆ รวมทั้งเฟร้นช์ฟรายด์ของโปรด จึงไม่แปลกที่หลังมื้ออาหารจะต้องมีรอยเปื้อนซอสมะเขือเทศ แต่คราบเปื้อนจากบรรดาซอสต่างๆ นั้นกำจัดได้ง่ายมาก ด้วยการแช่ผ้าที่เปื้อนไว้ในน้ำที่ผสม เบกกิ้งโซดา ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

ช็อคโกแลต
ของโปรดเจ้าตัวเล็กทั้งโลกคงต้องยกให้กับช็อคโกแลต และก็แน่นอนว่ากินทีไรจะต้องได้คราบเปื้อนเป็นของแถมด้วยเสมอ วิธีการทำความสะอาดเบื้องต้น ให้เช็ดออกด้วยทิชชู่เปียก จากนั้นค่อยใช้ มะนาว ฝานครึ่งลูก มาถูๆ ตรงที่เป็นรอยเปื้อน แล้วค่อยนำไปซักตามปกติ

สนิม
เพราะสนามเด็กเล่น คือ สวรรค์ของเด็กๆ และหลังจากก้าวเท้าพ้นสนามเด็กเล่นออกมา ก็มักจะพบรอยสนิมจากเครื่องเล่นติดเสื้อผ้ามาด้วยบ่อยๆ แต่เราสามารถแก้ไขได้โดยนำเปลือก มะนาว มาขัดๆ ถูๆ ลงบนคราบ จากนั้นก็บีบน้ำมะนาวที่เหลืออยู่ลงไปนิดหน่อย ทิ้งไว้ 15 – 20 นาที แล้วนำไปซัก ถ้าคราบยังไม่ออกก็ให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย ใช้แปรงซักผ้าช่วยขัดอีกแรง คราบสนิมก็จะจางลงได้

              ต่อไปนี้ไม่ว่าเด็กๆ จะพาคราบอะไรกลับมาบ้าน คุณแม่ก็เอาอยู่ด้วยวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆ จากของภายในบ้าน ที่แทบไม่ต้องเสียเงินเลย

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทำความรู้จักกับตู้เย็น 2 ประตู 2 สไตล์

Side by Side และ French door

          ตู้เย็น 2 ประตู อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าเลือกซื้อได้ไม่ยาก แค่เลือกขนาดความจุให้พอดีกับความต้องการใช้งาน เลือกแบรนด์น่าเชื่อถือ ซื้อรุ่นที่ประหยัดไฟ และราคาพอรับได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นตู้เย็น 2 ประตู ยังมีแบบ Side by Side และ แบบ French Door ซึ่งจัดเป็นตู้เย็นขนาดใหญ่ประเภท 2 ประตูเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่าง เรามาทำความรู้จักกับตู้เย็นทั้ง 2 แบบกันดีกว่า

ตู้เย็น Side by Side 2 ประตู

                ตู้เย็นแบบนี้เริ่มต้นใช้กันที่ยุโรป ต่อมาก็มาฮิตกันในอเมริกา เนื่องจากวัฒนธรรมการจับจ่ายซื้ออาหารของคนยุโรปและอเมริกานั้น มักจะนิยมการช้อปปิ้งไม่บ่อยครั้ง แต่จะเน้นซื้อครั้งละมากๆ เพื่อไปกักตุนไว้กินกันได้ตลอดสัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ เพื่อกักเก็บอาหารไว้ได้นานๆ และมีระบบทำความเย็น ช่องแช่แข็งที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเรื่องของดีไซน์ ก็ต้องสอดรับกับวัฒนธรรมตะวันตก ที่จะไม่ได้มีพื้นที่กว้างสำหรับการเปิดประตูตู้เย็นมากนัก การดีไซน์ประตูของตู้เย็น side by side จึงทำให้เปิดได้ทั้งซ้ายขวา เพื่อเป็นการลดพื้นที่สำหรับการเปิดประตูนั่นเอง

                ข้อดีของดีไซน์ Side by Side ที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนชั้นวางภายในได้หลายรูปแบบ ทำให้จัดวางและแช่สิ่งของได้หลายขนาดหลายรูปทรงมากขึ้น บางรุ่นก็เพิ่มระบบกดน้ำมาที่หน้าประตูตู้ด้วย

                ส่วนข้อเสียของตู้เย็น Side by Side ก็คือ แม้จะแบ่งแยกสัดส่วนออกมาเป็น 2 ฝั่งก็จริง แต่จะมีฝั่งหนึ่งที่แคบกว่า ด้วยความกว้างที่จำกัด จึงอาจทำให้นำภาชนะใส่อาหารใหญ่ๆ เข้าไปแช่ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการพื้นที่ของแต่ละคน และด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่ จึงต้องใช้กำลังไฟมาก กินไฟมากกว่า และมีราคาสูงกว่าตู้เย็นขนาดกลางๆ ทั่วไปพอสมควร

ตู้เย็น French door 2 ประตู

               โดยปกติแล้วตู้เย็นทั่วไปจะมีช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน เพราะเป็นการดีไซน์ตามหลักฟิสิกส์ ที่อากาศเย็นจะไหลลงสู่เบื้องล่างเสมอ นั่นจึงทำให้ ตู้เย็นทั่วไปนำช่องแช่แข็งไว้ด้านบน เพื่อสามารถกระจายความเย็นลงสู่ด้านล่าง แต่แนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศสแตกต่างออกไป เพราะในฝรั่งเศสอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ทำให้คนไม่ค่อยกังวลกับการแช่อาหารนัก แต่คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน หยิบจับอาหารออกจากตู้เย็นได้รวดเร็วมากกว่า จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตดีไซน์ตู้เย็นแบบ French door ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนฝรั่งเศสนั่นเอง

                   บางคนอาจจะคิดว่าตู้เย็นนี้ออกแบบมาสวนทางกับหลักการไหลของอากาศ จึงทำให้เย็นไม่ทั่วถึง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะด้านในช่องแช่แข็งจะมีพัดลมกระจายความเย็นอยู่อีก 1 ตัว จึงกระจายความเย็นได้ทั่วถึงไม่ต่างจากตู้เย็นทั่วไป เพียงแต่การมีพัดลมเพิ่มเข้ามา จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น

                  กล่าวโดยสรุป ตู้เย็น French door ก็คือตู้เย็น side by side อีกรูปแบบหนึ่ง มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียในการใช้งานแทบจะเหมือนกันหมด ต่างกันตรงที่แบบ French door จะย้ายช่องแช่แข็งไปไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นแนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศส อันเป็นที่มาของคำว่า French นั่นเอง

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์คอทเทจ

การแตกแต่งสไตล์ Cottage เป็นการตกแต่งบ้านแบบคันทรีตะวันตก ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับสไตล์ Vintage ที่มีบรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ น่าอยู่อาศัย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี แต่สไตล์ Cottage จะดูดิบกว่า เนื่องจากวัสดุที่ใช้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ และดูเรียบง่าย เช่น ใช้ไม้สนทำฝ้าเพดานหรือผนัง โดยงานจะไม่ละเอียดนัก เพื่อให้เห็นถึงพื้นผิวธรรมชาติของไม้จริงๆ

Tips ในการตกแต่งสไตล์ Cottage

  • สีสันและแพตเทิร์น
    การตกแต่งสไตล์คอทเทจ นิยมใช้สีเอิร์ทโทน เช่น สีเบจ ขาว เทา ดำ น้ำตาล และครีม โดยอาจมีการนำวอลเปเปอร์เข้ามาช่วยเสริมให้ผนังดูโดดเด่น ซึ่งมักจะใช้เป็นลายดอกไม้ หรือลายผิวไม้ เป็นส่วนใหญ่
  • ไม้คือส่วนประกอบสำคัญ
    ไม้ จัดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการตกแต่งสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็น กรอบรูปไม้ กระถางไม้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ ควรเลือกใช้วัสดุที่เป็นไม้เปลือย ไม่ผ่านการทาสี หรือเคลือบแลคเกอร์ เน้นผิวสัมผัสที่แท้จริงของธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านไม่ดูปรุงแต่งมากเกินไป
  • พื้นและหน้าต่าง
    พื้น จะเน้นความเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นพื้นไม้ แต่หากเป็นไม้ที่ดูใหม่เกินไป ก็อาจจะใช้วิธีการทาสีให้ดูเก่าลงก็ได้ ส่วนเรื่องความเข้มของสีไม้ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน สำหรับหน้าต่าง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกผ้าม่าน ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งหลักการเลือกใช้สี หรือลวดลายของผ้าม่านนั้น จะคำนึงถึงสีของผนังห้องและเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นหลัก เช่น หากผนังห้องสีครีม แนะนำให้ใช้ผ้าม่านสีครีม สีน้ำตาล หรือสีเบจ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน
  • ของตกแต่ง
    ของตกแต่งบ้าน ก็ถือเป็นเสน่ห์ที่จะช่วยให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น ซึ่งของที่นำมาประดับ ก็มักจะเป็นของที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกดัดแปลงมากนัก เน้นความสบายตาหลัก เช่น พรมปูพื้นเรียบๆ เตียงเหล็กดัดที่ดูโปร่งสบาย และให้กลิ่นอายของความอบอุ่น รวมถึงดอกไม้สด ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ขาดไม่ได้ เพราะจะทำให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ส่วนของประดับอื่นๆ อย่างจานชาม ก็ยังสามารถเอาออกมาโชว์ได้ด้วย แนะนำให้เลือกเป็นเซตที่ดูสวยงาม โดยอาจหามุมวางเพื่อให้ดูเป็นสัดส่วน และชวนมองมากขึ้น

Cottage Style ถือเป็นการตกแต่งที่ไม่ได้มีรายละเอียดยุ่งยากมากนัก ทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และอบอุ่นเมื่อได้อยู่อาศัย สำหรับใครที่อยากลองปรับบ้านให้เป็นสไตล์นี้ ก็อาจจะเริ่มจากการหาของตกแต่งเล็กๆ มาลองแต่งดูก่อนก็ได้ และถ้าหากเริ่มรู้สึกหลงรักสไตล์นี้ขึ้นมาจริงๆ เมื่อไร ค่อยขยับขยายการตกแต่งให้ใหญ่ขึ้น

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เลือกมู่ลี่อย่างไรให้เหมาะ

มู่ลี่ เป็นอุปกรณ์แต่งบ้านยอดนิยมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับม่าน คือกรองแสง หรือบังแสงแดด ที่ส่องผ่านเข้ามาภายในบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ห้องดูสวยงาม และสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับเราได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งประตูและหน้าต่าง

ซึ่งจะว่าไป มู่ลี่ ก็คือผ้าม่านประเภทหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้ทำจากผ้าเหมือนม่านทั่วๆ ไป แต่จะทำจากวัสดุที่หลากหลาย เช่น ไม้ ไวนิล อะลูมิเนียม และอื่นๆ มีลักษณะเป็นซี่เล็กๆ เรียงต่อกันในแนวนอน ร้อยด้วยเชือก และมีรอกสำหรับปิดเปิด หรือปรับแนวระดับให้แสงผ่าน มู่ลี่ ยังเป็นอุปกรณ์ตกแต่งให้บ้านมีสีสัน ทันสมัย สวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศ ทั้งยังมีดีไซน์ที่เข้ากันได้กับบ้านทุกสไตล์อีกด้วย

ชนิดของมูลี่ที่นิยมใช้งาน         

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาวัสดุที่ใช้ผลิตมู่ลี่ขึ้นมาหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป รวมถึงราคาก็แตกต่างกันด้วย เรามาดูกันว่ามีแบบไหนบ้าง

  • มู่ลี่ไม้ (Wooden Blinds
    เป็นวัสดุที่ทำให้ได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ อบอุ่น นุ่มนวลสบายตา ไม่ว่ายุคไหน มู่ลี่ไม้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ เพราะใช้งานง่าย และยังเหมาะกับการตกแต่งบ้านทุกสไตล์
  • มู่ลี่อลูมิเนียม (Venetian Blinds)
    เป็นชนิดที่สามารถเปิดใช้งานได้กว้าง เปิดปิดรับแสงได้สะดวก และใช้พื้นที่ในการม้วนเก็บน้อยกว่าแบบอื่น เพราะค่อนข้างบาง เหมาะกับการใช้ในสำนักงาน
  • มู่ลี่พลาสติก (Plastic Blinds)
    ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี และราคาไม่สูง ทั้งยังมีแบบให้เลือกเยอะ และติดตั้งเองได้ง่าย แต่ก็อาจมีข้อเสียที่ใบมักจะหักงอได้ง่าย
  • มู่ลี่ไม้สังเคราะห์ หรือโฟมวูด (Foam Wood Blinds)
    มีจุดเด่นคือ ทนต่อแสงแดดจัดได้ดี และลดแสง UV ได้สูง ทั้งยังมีสีสันและลวดลายให้เลือกมาก ไม่ซีด ไม่ลอก โดนน้ำไม่บวม หรือบิดงอ จึงเหมาะใช้กับพื้นที่อย่างในห้องน้ำ และห้องครัว ส่วนราคาก็ถูกกว่าชนิดอื่นๆ ด้วย
  • มู่ลี่ผ้า (Fabric Blinds)
    เป็นชนิดที่มีการออกแบบ และผลิตขึ้นจากผ้าหลากหลาย ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าขนสัตว์ และผ้าไหม ทำโดยการนำผ้าไปรีด แล้วขึ้นเส้นใยให้เป็นซี่ระแนง มีความสวยโดดเด่น และหรูหราเป็นอย่างมาก แต่ไม่นิยมใช้งานกันมากนัก เพราะทำความสะอาดยาก และมีราคาสูงกว่าชนิดอื่น

การตกแต่งบ้านโดยใช้มู่ลี่ ต้องดูว่า เราจะติดตั้งไว้บริเวณใด หากเป็นห้องทำงาน หรือห้องนอน ก็สามารถเลือกวัสดุที่ชอบ และลวดลายสีสันตามต้องการได้ แต่หากใช้งานในห้องน้ำ ก็ควรเลือกแบบที่กันน้ำ หรือหากใช้งานในห้องครัว ซึ่งจะมีคราบเปรอะเปื้อนอยู่เป็นประจำ ก็ควรเลือกแบบที่ทำความสะอาดง่าย หรือเลือกใช้สีเข้มๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ เรายังต้องดูทิศของห้องประกอบด้วย เช่น หากมีแสงส่องเข้าถึงมาก ก็จำเป็นต้องใช้มูลี่แบบทึบแสงมากๆ เพื่อช่วยให้ป้องกันแสง และลดอุณหภูมิห้อง ไม่ให้ร้อนจนเกินไป

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เลือกซื้อภาชนะใส่อาหารอย่างไร ให้ใช้กับเตาไมโครเวฟได้

                  เตาอบไมโครเวฟ นับเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีใช้งานกันเกือบทุกบ้าน เพราะใช้งานง่าย สะดวก และเหมาะกับการใช้ชีวิตเร่งรีบของคนในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หากต้องการอุ่นอาหารในเตาไมโครเวฟ เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่ามีภาชนะแบบไหนบ้างที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย ไม่ระเบิด ไม่ลุกไหม้ และไร้สารปนเปื้อนในอาหาร เพื่อจะได้เลือกซื้อภาชนะได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

ภาชนะแบบไหนเข้าไมโครเวฟได้บ้าง?

  • เซรามิค / กระเบื้อง
    ภาชนะเซรามิค รวมถึงภาชนะกระเบื้อง สามารถใช้งานกับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องระวังถ้วยชามที่มีการวาดลวดลาย หรือตกแต่งด้วยการเคลือบสี เพราะหากผลิตไม่ได้มาตรฐานพอ เมื่อได้รับความร้อนสูงๆ สีอาจละลายไปปนเปื้อนกับอาหารได้ รวมถึงการตกแต่งขอบหรือวาดลวดลายด้วยสีเงิน หรือสีทอง เพราะทั้ง 2 สีนี้มีคุณสมบัติในการสะท้อนคลื่นไมโครเวฟ อาจทำให้เตาไมโครเวฟเสื่อมสภาพ หรืออายุการใช้งานสั้นลงได้
  • แก้ว
    ภาชนะแก้ว ทำมาจากทราย ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูงได้ดี จึงสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ แต่ก็ควรระวังภาชนะแก้วที่มีการตกแต่งลวดลายด้วยเช่นกัน
  • บรรจุภัณฑ์กระดาษ
    ปัจจุบันนี้ร้านอาหารหลายร้านหันมาใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษกันมากขึ้น อย่างกล่องกระดาษ ถ้วยกระดาษที่เคลือบแว็กซ์ และเคลือบพลาสติก สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ แต่ต้องอุ่นด้วยความร้อนต่ำเท่านั้น ส่วนกระดาษอื่นๆ เช่น ถุงกระดาษ กระดาษชานอ้อย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์รักษ์โลกต่างๆ ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ เพราะอาจเกิดประกายไฟได้ สำหรับใครที่อยากอุ่นอาหารในกล่องกระดาษ ให้พลิกกล่องหาสัญลักษณ์ Microwave Safe ก่อน
  • พลาสติก PP
    ที่จริงแล้วพลาสติกเป็นหนึ่งในลิสต์ของภาชนะที่ห้ามเอาเข้าไมโครเวฟ แต่ก็มีพลาสติกบางประเภทที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ คือ พลาสติก PP (Polypropylene) ที่มีความทนทาน เหนียว ยืดหยุ่นได้ และทนแรงกระแทกได้ดี แต่ก่อนอื่น ก็อย่าลืมพลิกหาสัญลักษณ์ระบุประเภทของพลาสติก หรือจะมองหาสัญลักษณ์ Microwavable หรือ Microwave Safe ก็ได้  

                      สรุปแล้ว ภาชนะที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้โดยไม่เป็นอันตราย ได้แก่ ภาชนะประเภทแก้ว, เซรามิค, กระเบื้อง, พลาสติก PP รวมถึงบรรจุภัณฑ์กระดาษบางประเภท ส่วนภาชนะที่ห้ามนำเข้าไมโครเวฟโดยเด็ดขาด คือ ภาชนะและผลิตภัณฑ์พลาสติกทุกชนิด ยกเว้น PP, โลหะ, อลูมิเนียมฟอยล์, กล่องโฟม และเมลามีน นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัย ก่อนใช้งานไมโครเวฟ อย่าลืมพลิกดูบรรจุภัณฑ์ และมองหาสัญลักษณ์ Microwave Safe หรือ Microwavable ก่อน

                      สำหรับเจ้าของร้านอาหาร หากใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำเข้าอุ่นในไมโครเวฟได้เลย อย่างกล่องพลาสติกประเภท PP ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าได้ เพราะไม่ต้องคอยสับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ก่อนนำอาหารเข้าอุ่นในไมโครเวฟนั่นเอง

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

‘เก้าอี้เกมมิ่ง’ เลือกยังไงให้ถูกใจเกมเมอร์

                  คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจว่า เก้าอี้สำหรับใช้นั่งเล่นเกมโดยเฉพาะนั้นมันแตกต่างจากเก้าอี้ธรรมดายังไง แต่สำหรับเกมเมอร์แล้ว เก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักเล่นเกมโดยเฉพาะ มันดีกว่าจริงๆ

เก้าอี้เกมมิ่ง ดียังไง?

                  เก้าอี้เกมมิ่งในภาพจำของใครหลายคน มักจะเป็นเก้าอี้ที่มีสีสันฉูดฉาด และดีไซน์แปลกตา ซึ่งภายใต้ดีไซน์ที่แตกต่างนั้น มันยังถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานนั่งได้สบายที่สุด แม้จะต้องนั่งนานๆ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า คนเล่นเกมนั้น มักจะเล่นต่อเนื่องกันนานหลายชั่วโมง หากต้องนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่ดีพอ ก็คงต้องเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมไม่ต่างจากพนักงานออฟฟิศแน่ๆ เก้าอี้เกมมิ่งจึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้

               เก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกับเบาะรถแข่ง ซึ่งจะมีการซัพพอร์ตที่บริเวณหลัง สะโพก และลำคอ ช่วยลดแรงกดทับ ให้ร่างกายไม่ต้องแบกรับน้ำหนักตัวเต็มๆ ป้องกันกระดูกสันหลังบิดเบี้ยวจากการนั่งผิดท่าเป็นเวลานานๆ จึงทำให้เก้าอี้เกมมิ่งนั่งสบายกว่าเก้าอี้ทั่วไป แถมบางรุ่นยังปรับเอนนอนได้อีกด้วย

หลักในการเลือกซื้อเก้าอี้เกมมิ่งมาใช้งาน

  • ดูจากเบาะรองนั่งของเก้าอี้
    เบาะรองนั่งของเก้าอี้เกมมิ่งแต่ละยี่ห้อ จะทำมาจากวัสดุต่างชนิดกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฟองน้ำ หรือเมมโมรีโฟม ควรเลือกเบาะที่นั่งสบาย ไม่นุ่มเกินไป รับน้ำหนักได้ดี และสามารถใช้งานได้นาน เพราะในแต่ละวันจะต้องนั่งนานหลายชั่วโมง หากเบาะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ อาจเสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

  • ดูจากวัสดุหุ้มเก้าอี้
    วัสดุหุ้มเก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะทำมาจากหนังเทียมอย่าง PU หรือ PVC ซึ่งมีความสวยงาม หรูหราคล้ายหนังแท้ ทั้งยังให้สัมผัสที่นุ่มสบาย และทำความสะอาดง่ายเวลาเปื้อน นอกจากนี้ก็ยังมีเก้าอี้เกมมิ่งที่ทำจากผ้าตาข่าย ซึ่งจะระบายอากาศได้ดีกว่า และไม่กักเก็บความร้อน ใครที่เป็นคนขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย แนะนำให้เลือกเป็นเก้าอี้แบบตาข่ายก็จะตอบโจทย์มากกว่า

  • ดูจากดีไซน์ของเก้าอี้
    เก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีสีสันฉูดฉาด เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศ และเพิ่มอรรถรสให้การเล่นเกมได้ นอกจากนี้ก็ยังทำให้ดูโดดเด่นบนหน้าจอ หากมีการสตรีมเกมสดๆ อีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบสีสัน ก็อาจเลือกเป็นเก้าอี้แบบเรียบๆ ได้เช่นกัน

              เกมเมอร์ทั้งหลาย อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ในการเลือกซื้อเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นเกมดูนะ จะได้มีเก้าอี้ดีๆ ที่ช่วยให้เล่นเกมได้สนุกขึ้น แถมยังเป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

โซฟาผ้า หรือ โซฟาหนัง : ซื้อแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

                      เวลาจะซื้อโซฟาซักตัว ใครๆ ก็คงอยากได้แบบที่ทั้งสวยถูกใจ และใช้งานได้คุ้มค่า แต่การเลือกซื้อโซฟาเข้าบ้านนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง และหนึ่งในปัญหาหลักที่หลายคนสับสน ไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี? ก็คือเรื่องของวัสดุหุ้มโซฟา ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ โซฟาผ้า และโซฟาหนัง

โซฟาผ้า

  • ความสวยงาม
    โซฟาผ้ามีดีไซน์และสีสันให้เลือกเยอะ ทั้งยังมีเนื้อผ้าและลายผ้า ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน สามารถเลือกให้เข้ากับการตกแต่งบ้านได้หลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น โมเดิร์น มินิมอล วินเทจ หรือสแกนดิเนเวียน ก็สามารถใช้โซฟาผ้าได้

  • ผิวสัมผัส
    ถ้าเลือกโซฟาผ้าเกรดดี ผิวสัมผัสจะเนียนนุ่ม ทั้งยังระบายอากาศได้ดี ไม่อมความร้อน จึงเหมาะกับบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ

  • ความทนทาน
    ความทนทานของโซฟาผ้า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา หากต้องการให้ผ้ามีสีสันสดใส ก็ควรตั้งให้ห่างจากแสงแดด และหลีกเลี่ยงการกินอาหารบนโซฟา สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง แนะนำให้ใช้โซฟาผ้า เพราะจะมองเห็นรอยขีดข่วนของสัตว์เลี้ยงได้ยากกว่า

  • การทำความสะอาด
    โซฟาผ้าทำความสะอาดง่าย เพียงแค่หมั่นดูดฝุ่นบ่อยๆ แต่ถ้าบ้านมีเด็กเล็ก หรือชอบนั่งกินอาหารบนโซฟา แนะนำให้ซื้อโซฟาผ้าแบบที่สามารถถอดซักได้ หรือหากชำรุดก็สามารถซื้อผ้าหุ้มอันใหม่มาเปลี่ยนได้
  • ข้อควรระวัง
    สิ่งที่ต้องระวังหลักๆ คือ โซฟาผ้าค่อนข้างอมฝุ่น จึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้

โซฟาหนัง

  • ความสวยงาม
    โซฟาหนังนั้นขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ช่วยให้บ้านหรูหรามีระดับ แต่ด้วยความที่เป็นหนัง จึงมีดีไซน์และสีสันให้เลือกไม่มากเท่าโซฟาผ้า แต่ก็มีจุดเด่น คือ ยิ่งใช้ไปนานๆ ยิ่งเก่า ลายของหนังจะยิ่งสวยขึ้น

  • ผิวสัมผัส
    โซฟาหนังจะให้ผิวสัมผัสที่นุ่มลื่น นั่งสบาย ยิ่งใช้ไปนานๆ หนังก็จะยิ่งนิ่ม แต่โซฟาหนังค่อนข้างไวกับอุณหภูมิ หากตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ หนังจะลื่นและเย็น แต่ถ้าตั้งในห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ หรือค่อนข้างร้อน หนังก็จะซึมซับความร้อนเอาไว้ นั่งแล้วจึงไม่สบายตัว

  • ความทนทาน
    ความทนทานของโซฟาหนัง ขึ้นอยู่กับเกรดของหนังที่ใช้ จึงแนะนำให้เลือกเป็นโซฟาหนังแท้ แต่ถ้างบน้อยก็เลือกเป็นแบบหนังเทียม PU จะทนทานกว่าหนังประเภทอื่น ส่วนอายุการใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด อุณหภูมิสูง สัตว์เลี้ยง

  • การทำความสะอาด
    โซฟาหนังทำความสะอาดง่าย เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก หรือคนที่ชอบกินอาหารบนโซฟา เพราะหากเกิดรอยเปื้อน ก็เพียงแค่หาผ้านุ่มๆ มาเช็ดออก ทั้งยังเหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะไม่อมฝุ่น และไม่ติดขนสัตว์เลี้ยง
  • ข้อควรระวัง

โซฟาหนังคุณภาพดีจะมีราคาสูง หากซื้อแบบที่เกรดไม่ดี แม้จะถูกกว่า แต่อายุการใช้งานจะสั้น ทั้งยังซ่อมแซมยากอีกด้วย

รูปที่ 4

สรุปแล้วควรเลือกซื้อโซฟาแบบไหนดี?

              ทั้งโซฟาผ้าและโซฟาหนัง ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน การจะเลือกแบบไหน จึงขึ้นอยู่กับว่าเราชอบจุดเด่น และรับจุดด้อยของโซฟาแบบไหนได้มากกว่ากัน ที่สำคัญเมื่อซื้อมาแล้วควรหมั่นดูแลรักษา และทำความสะอาดให้ถูกวิธี ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของโซฟา ให้สวยเหมือนใหม่ได้ยาวนาน

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แนวคิดการตกแต่งบ้านแบบ “เปิด”

แนวคิดการตกแต่งบ้านแบบ “เปิด”

                  แนวคิดการตกแต่งบ้านของคนส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการตกแต่งภายใน และการสร้างห้องต่างๆ ด้วยวิธีก่อผนังมาปิด เพื่อแบ่งอาณาเขตของห้อง หรือถ้าเป็นบ้านทาวเฮาส์ที่มีการทำห้องสำเร็จรูปไว้แล้ว ก็อาจจะใช้ม่านหรือฉากกั้น  เพื่อแสดงอาณาเขตของพื้นที่ใช้งาน  ซึ่งทั้งหมดตรงกันข้ามกับแนวคิดแบบ เปิด ที่กำลังจะพูดถึงอย่างสิ้นเชิง  

                 การเปิด คือการเอาผนังทั้งหมดของบ้านออก เพื่อให้ส่วนของบ้านดูกว้างขึ้น และยังได้กำไรจากทัศนียภาพภายนอกที่เชื่อมต่อมาถึงภายใน จนกลายเป็นว่าอาณาเขตของบ้านไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่าเป็นแนวคิดที่ไร้กรอบ สร้างสรรค์ และมีจินตนาการที่ไม่รู้จบ

                 จะว่าไปแล้วการตกแต่งบ้านด้วยแนวคิดแบบเปิดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราจะต้องเป็นคนที่มีความรอบคอบมากกว่าคนอื่นๆ ด้วย เพราะการออกแบบบ้านในลักษณะนี้  คือการวางทุกอย่างเอาไว้บนระนาบเดียวกัน และหากมองภาพรวมของบ้าน จะเห็นงานตกแต่งทั้งหมดเป็นงานชิ้นเดียวกัน ถ้าเราพลาดแม้เพียงจุดเดียว ก็อาจทำให้ภาพโดยรวมเสียหายไปหมด จนไม่เหลือความงามเลย ฉะนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า มีหลักอะไรบ้างหากเราต้องการจะแต่งบ้านด้วยแนวคิดแบบเปิด

  1. โทนสี 
    บ้านแบบเปิด จะมีอาณาเขตของห้องเป็นตัวแบ่งพื้นที่ ฉะนั้นเราต้องมีความรู้มากพอในการเลือกใช้สีที่เหมาะสม โดยเลือกใช้สีที่สามารถบ่งบอกได้ว่า พื้นที่ตรงไหนคือโซนของห้องครัว ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น เพราะบ้านแบบนี้จะไม่มีกำแพง ฉะนั้นการจัดสรรพื้นที่ภายในอย่างชาญฉลาด จะเป็นการสร้างอาณาเขตจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เราอาจเลือกใช้สีผนังที่ต่างกันในการแบ่งพื้นที่ของห้อง ใช้เฟอร์นิเจอร์เพื่อบอกอาณาเขตที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่ให้สัมผัสที่ต่างกัน ก็จะทำให้เรารู้ได้ว่า พื้นที่ตรงนี้คือส่วนของห้องนั่งเล่น ตรงนี้คือส่วนของห้องครัว เป็นต้น
  • การตกแต่ง
    การตกแต่งบ้านแบบเปิด อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไร้จินตนาการ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในธีมเดียวกัน จะช่วยทำให้โทนของห้องเป็นไปในทิศทางที่เราต้องการได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์แนวเมทัล สีและความแวววาวของโลหะ คือสิ่งที่สื่อถึงความไฮเทค แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์แนวเรโท พื้นที่บ้านก็จะเต็มไปด้วยสีสันของวันวานที่สดใส
  • หน้าต่างและประตู
    หน้าต่างและประตูอาจไม่จำเป็นสำหรับบ้านแบบเปิด เพราะเราสามารถมองเห็นภายนอกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งที่เหมาะสมจะใช้กับบ้านแบบนี้ เห็นจะมีเพียงผนังกระจกเท่านั้น และเรายังได้ประโยชน์จากการรับแสงธรรมชาติโดยเฉพาะในเวลากลางวัน ที่แทบจะไม่ต้องเปิดไฟกันเลยทีเดียว แต่ผนังกระจกก็อาจจะทำให้ร้อนได้เหมือนกัน ฉะนั้นการเลือกใช้ม่านกันแสง จึงอาจจำเป็นสำหรับบ้านแบบนี้

              ปัจจุบันการตกแต่งบ้านเน้นที่ความโปร่ง โล่ง สบายกันมากขึ้น ใครสนใจการแนวคิดการแต่งบ้านแบบเปิด ก็ลองเอาไปทำตามกันดูได้นะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน