Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านให้น่าอยู่ อบอุ่น เป็นกันเอง ตามสไตล์โฮมมี่

                 เหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานประจำตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์แล้ว พอถึงวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดพักผ่อน หลายคนก็คงอยากจะหลบหลีกความวุ่นวายของบรรยากาศในเมือง ออกมาอยู่ในบรรยากาศสบายๆ กันบ้าง ซึ่งเราสามารถทำให้บ้านของเราเองมีบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในแบบที่ว่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน วันนี้เรามีไอเดียการตกแต่งบ้านที่เรียกว่า สไตล์โฮมมี่ มาแนะนำ จะมีวิธีการตกแต่งอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันเลย

สวนสวยในบรรยากาศอบอุ่น
ในวันหยุดสบายๆ ใครๆ ก็คงอยากจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนนอกบ้านชิลล์ๆ ลองเลือกวัสดุประเภทไม้มาเป็นองค์ประกอบหลัก แล้วปรับสวนให้มีบรรยากาศอบอุ่น สะท้อนอารมณ์บ้านๆ โดยการนำวัสดุที่สื่อถึงความเป็นพื้นบ้านอย่างลำไม้ไผ่ มาทำเป็นฝ้าเพดาน แล้วประดับเพิ่มเติมด้วยงานหัตถกรรม และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์เรียบง่าย เสริมอารมณ์ธรรมชาติเข้าไปด้วยต้นไม้กระถาง เท่านี้ก็เป็นมุมพักผ่อนแบบกันเองท่ามกลางธรรมชาติแล้ว

ตกแต่งบริเวณหน้าประตูบ้านให้น่ามอง
ลองมาเปลี่ยนมุมเล็กๆ อย่างประตูหน้าบ้านที่หลายคนมักมองข้ามให้อบอุ่นมากขึ้น ด้วยการใช้กระจกโปร่งๆ เป็นตัวช่วย เน้นการเปิดโล่งด้วยกระจกใสเพื่อรับแสงจากธรรมชาติให้มากที่สุด คู่กับประตูบานไม้ ที่นอกจากจะทำให้ดูทันสมัยขึ้นและอบอุ่นมากๆ แล้ว การตกแต่งด้วยกระจกยังช่วยเพิ่มความสว่างให้กับภายในตัวบ้านได้อีกด้วย

เจือกลิ่นอายชนบท
แม้บ้านจะอยู่ติดถนนกลางเมือง แต่ก็สร้างบรรยากาศอบอุ่นแบบโฮมมี่ได้ ด้วยการตกแต่งภายในโดยเน้นโทนสีไม้ เข้ากันดีกับผนังกระจกโปร่ง และมีการนำไม้มากรุผนังในบางส่วน วางโต๊ะเก้าอี้เรียบง่ายเป็นมุมสบายๆ ข้างหน้าต่าง เพิ่มเติมด้วยการประดับดอกไม้แห้ง โคมไฟตะเกียง ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นให้กับบ้านได้ดีเช่นกัน

ห้องนั่งเล่นแสนสบาย
มุมนั่งเล่นเป็นมุมที่คนในบ้านใช้งานกันบ่อยที่สุด ทั้งนั่งเล่น ดูทีวี กินของว่าง รวมทั้งใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน จึงควรเน้นตกแต่งห้องนั่งเล่นให้ดูสบายตา เช่น โทนสีขาว เขียว และสีไม้ธรรมชาติ ในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ที่เข้ากันทั้งยุคสมัยและดีไซน์ รวมทั้งงานสาน งานหวาย และผ้าทอ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระถางต้นไม้ หรือตะกร้าใส่ของ จับวางรวมกันแล้วดูกลมกลืนสุดๆ

             ขอแค่รู้จักการเลือกสไตล์การตกแต่งได้ดี เราก็จะสามารถทำให้บ้านดูอบอุ่น น่าพักผ่อนได้หมด ไม่ว่าบ้านจะเป็นแบบไหน มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเดิมที่แสนจะธรรมดาให้น่าอยู่ตามสไตล์โฮมมี่ ที่ทั้งผ่อนคลาย อยู่สบาย และมีความสุขในทุกๆ วันกันเถอะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียแต่งบ้านแบบแหกกฏ

                ศาสตร์แต่ละแขนงล้วนมีกฏไว้ให้ปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่เสมอไปสำหรับไอเดียแต่งบ้าน เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำตามทฤษฎีก็ได้ เนื่องจากเรื่องความสวยความงาม คงไม่มีทฤษฎีไหนมาอธิบายได้แบบตายตัว หากเราไม่ทำตามจึงไม่ถือว่าผิด และอาจสร้างความแปลกใหม่ให้บ้านของเราได้ด้วย ลองมาดูไอเดียการตกแต่งต่อไปนี้ ที่แม้ไม่ทำตามกฏ ก็สามารถทำให้บ้านดูสนุกและสวยงามแบบไม่ซ้ำใครได้

  1. ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แบบเดียวกันทั้งห้องก็สวยได้
    การใช้ไม้แบบเดียวกันสีเดียวกันทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นงานบิลท์อิน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว พื้น และเพดาน แม้มันจะทำให้ภาพรวมดูสวยน่าอยู่ แต่ก็ทำให้ห้องดูคับแคบและอึดอัด เทคนิคการตกแต่งที่อยากแนะนำคือ การเลือกสีของไม้ให้ต่างกัน แต่ควรมีความกลมกลืนกัน เช่น งานบิลท์อินใช้ไม้สีโทนเหลือง เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวใช้ไม้โอ๊ก ส่วนพื้นก็อาจจะใช้ไม้เมเปิ้ล เป็นต้น
  • เฟอร์นิเจอร์ไม่เข้าชุดกันก็ดูดีได้
    เฟอร์นิเจอร์แบบเข้าชุด ได้รับอิทธิพลมาจากงานตกแต่งสไตล์คลาสสิกของยุโรป ซึ่งให้อารมณ์ความหรูหรา เป็นทางการ แต่คงไม่เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการความรู้สึกผ่อนคลาย เราสามารถจับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นมาแยกกัน เช่น เลือกโซฟาที่มีลวดลาย มาวางสลับกับเก้าอี้คนละสไตล์ ก็จะช่วยทำให้ห้องดูสวยเก๋ และสร้างเสน่ห์ได้อีกมาก
  • สีดำ ใครว่าไม่น่าใช้
    สีดำเป็นสีที่ดูเรียบเท่ แต่มักจะถูกห้ามนำมาใช้กับผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้ห้องดูทึบ ร้อน และถ้าเกิดรอยเปื้อนจะเห็นชัด อย่างไรก็ตามหากเราใช้สีนี้เป็น ก็จะทำให้ห้องดูเท่ไม่ซ้ำใคร ลองจับคู่สีดำกับสีอื่น เช่น แดง หรือใช้ลวดลายสวยๆ มาเป็นองค์ประกอบร่วม ก็จะทำให้ห้องสีดำยิ่งดูเท่และน่าค้นหามากๆ
  • แชนเดอเลียร์ไม่ต้องใหญ่อลังการก็สวยเวอร์ได้

ขนาดและสไตล์ของแชนเดอเลียร์ มีผลต่อภาพรวมของห้อง จึงควรเลือกขนาดของแชนเดอเลียร์ให้พอเหมาะกับความสูงและขนาดของห้อง หากใช้บริเวณโถงกลางของบ้าน ระดับจากพื้นถึงแชนเดอเลียร์ประมาณ 2 เมตร นับว่ากำลังดี ส่วนบนโต๊ะอาหาร ควรใช้ดวงที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสามของความกว้างของโต๊ะ และสูงจากท็อปโต๊ะประมาณ 90 เซนติเมตร สำหรับเรื่องสไตล์ หากบ้านตกแต่งในสไตล์คลาสสิก ไม่จำเป็นต้องเลือกโคมไฟระย้าแบบคลาสสิกก็ได้ ลองเลือกที่เป็นสไตล์คอนเทมโพรารี ซึ่งมีรายละเอียดไม่มาก ไม่ดูอลังการ แต่ก็ทำให้ห้องดูเก๋ และมีสไตล์เป็นของตัวเองได้

             ใครที่เป็นนักแหกกฏอยู่แล้ว ลองนำตัวอย่างการตกแต่งบ้านทั้งหมดนี้ ไปทำตามกันดูได้นะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com 

FB : คนรักบ้าน 

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ตกแต่งบ้านให้มีมิติ ด้วยไม้ระแนง

                 หากพูดถึง ไม้ระแนง หลายคนมักนึกถึงบ้านยุคเก่า ที่นิยมติดตั้งระแนงในส่วนของช่องลมห้องครัว เพื่อระบายกลิ่นและควัน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้เห็นการแต่งบ้านด้วยระแนงในส่วนอื่นๆ กันมากขึ้น ทั้งยังถูกนำมาประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม้ระแนงมีเอกลักษณ์บางอย่าง ที่สร้างสุนทรียภาพให้กับบ้านได้ พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • รั้วบ้าน
    รั้วบ้านเป็นส่วนบ่งบอกขอบเขต และสร้างความปลอดภัยให้บริเวณบ้าน เราสามารถหยิบไม้ระแนงมาประยุกต์ใช้กับงานรั้วได้ดี เพราะมีความโปร่ง รับแสง รับลม และสร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เพื่อนบ้านมองเข้ามาเห็นภายในบ้านได้มากเกินไป ทั้งยังทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง ส่วนการวางระยะห่างของไม้แต่ละชิ้น ก็สามารถเลือกได้ตาต้องการ ซึ่งหากตีระยะห่างจะเปิดบ้านให้ดูโปร่งโล่งกว่าการตีชิด

รูปที่ 2

  • หลังคาโรงรถ / หลังคาระเบียง
    หลังคาโรงรถ และหลังคาระเบียงบ้าน ควรเป็นส่วนที่มีความปลอดโปร่ง ไม่ทึบเกินไป ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้ไม้ระแนงคู่กับกระจกกันแสง หรือแผ่นโปร่งแสงที่ช่วยกันร้อน แต่ยังรับแสงจากธรรมชาติได้ ทำให้พื้นที่ภายใต้หลังคาไม่มืดทึบหรืออึดอัด สำหรับหลังคาระเบียง อาจทำเป็นซุ้มระแนงปลูกไม้เลื้อย เป็นการเพิ่มความสดชื่นไปในเวลาเดียวกันได้
  • ที่บังแดด 
    ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน คงจะดีหากเราศึกษาเรื่องทิศทางของแสงและลม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ทั้งเรื่องช่องทางระบายอากาศ หรือการติดตั้งระแนงบังแดดในด้านที่ต้องรับแสงมากกว่าทิศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดได้ในระยะยาว ทั้งช่วยลดความร้อนอบอ้าว และการประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
  • พาร์ทิชันกั้นห้อง
    บางมุมของบ้านที่ต้องการแบ่งสรรสัดส่วนการใช้งานออกจากกัน แต่ยังต้องการให้สามารถมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ไม่ถูกตัดขาดเหมือนการกั้นด้วยผนังก่อทึบ เช่น ห้องรับแขกกับห้องครัว หรือ ห้องนอนกับโซนแต่งตัว การใช้พาร์ทิชันไม้ระแนง นับเป็นหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ได้ดี และทำให้บ้านไม่ดูแคบลงด้วย

              สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุไม้ ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ทำระแนง ไม่ได้มีเฉพาะที่ทำจากไม้จริงเท่านั้น ยังมีวัสดุสังเคราะห์ อย่างพวกไฟเบอร์ซีเมนต์ ไวนิล และพลาสติกผสมใยไม้ เพื่อรองรับกับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย และทนทาน ทั้งยังสามารถใช้งานภายนอกได้ดีกว่าไม้จริง ในราคาที่ถูกกว่า และไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยากอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

องค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่

                การจะจัดและตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่อาศัยได้นั้น จะต้องจัดองค์ประกอบทุกส่วนของบ้านทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งบริเวณบ้าน ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมตามสภาพของบ้าน และประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงงบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งองค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงาม มีดังต่อไปนี้

  1. ความเป็นสัดส่วน
    ความสมดุลของการตกแต่งบ้าน ขึ้นอยู่กับการจัดของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ ให้คงความเป็นสัดส่วนกับเนื้อที่ของบ้าน โดยจำเป็นต้องกำหนดโซนของพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม เช่น ส่วนไหนเป็นจุดรับแขก ส่วนไหนเป็นมุมส่วนตัว ซึ่งหากไม่มีความเป็นสัดส่วน บ้านก็จะไม่น่าอยู่ และการตกแต่งบ้านให้เป็นสัดส่วน จะช่วยให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น เป็นระเบียบ และยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
  • แสงและสี
    ความสำคัญของแสงและสี จะช่วยให้การตกแต่งบ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดย แสง หมายถึงการควมคุมแสงสว่างภายในบ้านให้เหมาะสม ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน การวางจุดของหน้าต่าง การเลือกรับแสงยามเช้าหรือบ่ายจากดวงอาทิตย์ เช่น การใช้ม่านปรับแสง ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับบ้าน ส่วน สี มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก เช่น กลุ่มสีโทนร้อน และกลุ่มสีโทนเย็น จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน นอกจากนี้ สียังบ่งบอกถึงยุคสมัยของการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
  • ประเภทวัสดุ
    ในปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งบ้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ การจะเลือกวัสดุใดมาใช้งาน จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการตกแต่งบ้าน ซึ่งควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามรูปแบบของการตกแต่งโดยรวม เช่น หากโต๊ะเป็นไม้ ก็ไม่ควรใช้เก้าอี้เป็นพลาสติก เพราะจะทำให้ดูไม่เข้ากัน
  • สร้างจุดสนใจ
    ในการตกแต่งบ้าน ควรต้องมีการสร้างจุดสนใจ โดยอาจนำสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้านมาใช้ในการตกแต่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ของรักของหวง ของหายาก หรือรางวัลที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะพบเห็นได้ทั่วไป อย่างตู้โชว์ของสะสมต่างๆ หรือแม้กระทั่งของตกแต่งแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นตาคนทั่วไป สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถนำมาสร้างเป็นจุดสนใจได้ทั้งสิ้น

              ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงองค์ประกอบเบื้องต้นที่จะทำให้การตกแต่งบ้านดูสวยงามน่าอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่แตกต่างออกไปตามรูปแบบบ้าน รวมทั้งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมและกาลเวลาด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style) เป็นสไตล์ที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก เพราะมีกำเนิดมาจากมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรูปแบบของการตกแต่งบ้านหรือร้านค้า ให้ดูดิบๆ คล้ายกับโรงงาน โชว์ความงามของวัสดุ และโครงสร้างชัดเจน ตกแต่งออกมาคล้ายยังไม่เสร็จ เช่น ฉาบผนังแบบไม่เต็ม ผนังสีเก่าๆ คานปูนเดิมๆ อิฐแดงที่มีรอยแตก หรือไม่มีการฉาบ เป็นต้น

มีข้อสงสัยกันมากว่า การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลนั้น แตกต่างกับสไตล์ลอฟท์อย่างไร คำตอบคือ ความแตกต่างอยู่ที่ “ความดิบและเก่า” โดยสไตล์ลอฟท์จะเน้นส่วนประกอบของเหล็กและปูนเปลือย แต่ยังคงมีความใหม่ของงาน ส่วนสไตล์อินดัสเทรียลนั้น จะมีความเก่าของงานตกแต่งมากกว่า และส่วนของเหล็กจะน้อยลง แต่จะถูกแทนที่ด้วยผนังปูนเก่าเข้ามา ทำให้มีพื้นที่ที่มากขึ้น ส่วนใครที่ยังนึกไม่ออกว่าการตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลมีหน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้เรามีตัวอย่างมาให้ชมกัน

ตัวอย่างแรก เป็นการตกแต่งห้องพักผ่อนที่เน้นเพดานสูงโปร่งสไตล์โรงงาน ที่มาพร้อมกับผนังอิฐเปลือยและระบบไฟฟ้าแบบลอฟท์ โดดเด่นด้วยชุดโซฟาแบบหนังสีน้ำตาลมันเงา และโต๊ะไม้ฐานเหล็ก เป็นการตกแต่งที่ดูเข้ากันดีและลงตัวเป็นอย่างมากสำหรับการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล

ตัวอย่างที่สอง เป็นการออกแบบให้ห้องมีความเก่าแบบโรงงาน ผนังตกแต่งด้วยหินแกรนิต ผสมกันกับบันไดเหล็ก เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวสไตล์โรงงาน และโซฟาแบบเตี้ย ทำให้ห้องนี้ดูสวยงามและได้กลิ่นอายของอินดัสเทรียลอย่างแท้จริง

ตัวอย่างที่สาม เป็นการตกแต่งด้วยผนังอิฐแดงทาสีขาวแบบไม่ตั้งใจ และพื้นปูนเปลือยขัดมัน บวกกับฐานเตียงนอนที่ประยุกต์มาจากไม้ลัง เป็นการตกแต่งที่เน้นความดิบแบบ 100% ทำให้สไตล์นี้ดูสวยและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง

และตัวอย่างสุดท้าย เป็นการตกแต่งที่นำชุดของเฟอร์นิเจอร์เหล็กมาตกแต่งร่วมด้วย ทำให้การตกแต่งในสไตล์นี้ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าการตกแต่งทั่วไปจะแสดงให้เห็นถึงสไตล์ได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่หากเรานำชุดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์นี้ผสมเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้การตกแต่งดูเพอร์เฟกต์


เป็นอย่างไรกันบ้าง กับตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล ซึ่งมีความดิบความเก่า แต่แฝงไปด้วยไอเดียคลาสสิก สามารถทำให้บ้านได้อารมณ์ที่เก๋ไปอีกแบบ สไตล์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเคียงคู่มากับสไตล์ลอฟท์เลยทีเดียว

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เลือกซื้อเตารีดใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง?

                เตารีด นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน ที่ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้ายับๆ ให้อยู่ในสภาพที่เรียบพร้อมใช้งานได้ สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะซื้อใหม่ และอยากได้เตารีดที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด มีหลายสิ่งที่ควรต้องดูให้ดีก่อนซื้อ ก่อนอื่นลองไปทำความรู้จักกับเตารีดเพิ่มเติมกันหน่อยดีกว่า

ประเภทของเตารีด
              โดยหลัก ๆ แล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการทำงาน ได้แก่ เตารีดแห้ง และเตารีดไอน้ำ

  1. เตารีดแห้ง ทำงานโดยใช้หลักการแปลงพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นความร้อน แล้วส่งผ่านไปยังหน้าเตาที่เป็นโลหะ เมื่อนำไปวางบนผ้า รอยยับจะคลายและกลายเป็นความเรียบนั่นเอง ในอดีตไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ หากร้อนเกินไปต้องถอดปลั๊กออก แต่ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาจนสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับเนื้อผ้าแต่ละชนิด ราคาไม่แพง ในการรีดจำเป็นต้องพรมน้ำ หรือฉีดน้ำยารีดลงไป เพื่อทำให้เส้นใยในผ้าเรียงตัว
  • เตารีดไอน้ำ
    เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากเตารีดแห้ง โดยการเพิ่มคุณสมบัติการพ่นไอน้ำ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรีด ไอน้ำที่ร้อนจะทะลุผ่านเส้นใยผ้า ทำให้ผ้าเรียบเร็ว ประหยัดแรง และประหยัดเวลากว่าแบบแห้ง จึงเหมาะมากกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ยิ่งไปกว่านั้นการมีไอน้ำช่วยหล่อเลี้ยง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการไหม้ของหน้าเตาได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ ถ้าทำความสะอาดไม่ดี หรือไม่ได้ใช้เวลานาน อาจจะมีคราบตะกรันจากน้ำออกมาสร้างรอยเปื้อนให้ผ้าได้ หรืออาจเกิดการอุดตันจนทำให้ตัวเครื่องเสียหายได้ด้วย

ควรซื้อแบบไหนดี

              ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ แนะนำว่าควรซื้อแบบเตารีดไอน้ำ เนื่องจากหากเราปิดฟังก์ชั่นพ่นไอน้ำ ก็สามารถใช้แทนเตารีดแบบแห้งได้ด้วย โดยมีสิ่งที่ควรดูเพิ่มเติมก่อนเลือกซื้อ ดังนี้

  1. กำลังไฟฟ้า
    ค่ากำลังไฟฟ้าที่แนะนำให้ใช้ภายในบ้าน กรณีรีดครั้งละไม่มากให้ร้อนไวกำลังพอดี ควรอยู่ที่ 1200 วัตต์ แต่สำหรับใครที่ต้องรีดครั้งละเยอะๆ แนะนำให้ใช้กำลังไฟ 2000 วัตต์ ขึ้นไป เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการรีด

  2. สารเคลือบหน้าเตา

หน้าเตารีดปัจจุบันมักถูกผลิตมาจากวัสดุที่มีสามารถถ่ายโอนความร้อนได้ดี เช่น สแตนเลส, ไทเทเนียม พร้อมเคลือบด้วยสาร Non-Stick ที่มีคุณสมบัติไม่ติดผ้า เช่น เทฟลอน อีนาเมล หรือเซรามิก เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อเตารีด ควรต้องเลือกรุ่นที่มีการระบุว่ามีคุณสมบัติกันติดด้วย เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล

  • คุณสมบัติพิเศษ
    สำหรับใครที่ต้องการความความสะดวกในการใช้งานที่มากขึ้น ก็ต้องมาพิจารณาเรื่องคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ โดยฟังก์ชันพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้หลักๆ เช่น คุณสมบัติป้องกันและทำความสะอาดตะกรัน เพิ่มพลังไอน้ำ ป้องกันน้ำหยด ปรับความร้อนอัตโนมัติ และ ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น  

              ใครรีดผ้าเองเป็นประจำ ก็อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปพิจารณาก่อนเลือกซื้อเตารีดมาใช้งานกันนะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

Rustic Home

บ้านสไตล์ชนบทอันแสนอบอุ่น

การแต่งบ้าน สไตล์รัสติก (Rustic) เหมาะกับคนที่อยากให้บ้านมีกลิ่นอายธรรมชาติสุดอบอุ่น หรือคนที่อยากมีบ้านผักตากอากาศที่มีเสน่ห์ในสไตล์ชนบท เพราะการตกแต่งสไตล์นี้เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติป็นหลัก เช่น หิน ไม้ เชือก หรือผ้า รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความสมบูรณ์ หรือความใหม่ของวัสดุ แต่ใช้ความงามจากวัสดุธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มาสร้างเสน่ห์และความงามเฉพาะตัวในแต่ละช่วงเวลา จับคู่กับการเลือกใช้สีโทนธรรมชาติและโทนอบอุ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่และมีเสน่ห์อย่างลงตัว เราไปดูกันดีกว่าว่าหากสนใจจะแต่งบ้านสไตล์นี้จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

งานไม้
แกนหลักของการแต่งบ้านสไตล์รัสติก คือการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้มาเป็นองค์ประกอบหลักของการตกแต่ง เน้นโชว์งานไม้เพื่อให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายธรรมชาติอย่างแท้จริง เช่น คานไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ อย่าง ชุดโต๊ะกินข้าว ตู้ไม้ และชั้นวางของไม้ เป็นต้น

กำแพงหิน
วัสดุธรรมชาติไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เท่านั้น ยังมีหินหรืออิฐที่สามารถนำมาใช้ตกแต่ง สร้างบรรยากาศแบบรัสติกในบ้านได้เป็นอย่างดี ในต่างประเทศจะนิยมนำหินมาทำเป็นเตาผิง แต่คงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราเท่าไหร่ จึงแนะนำให้ใช้หินตกแต่งผนังด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้านแทน เพื่อเพิ่มมิติภายในบ้านให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

โซฟาผ้า
จุดเด่นของบ้านสไตล์นี้คือการสร้างความอบอุ่นภายในบ้าน และเทคนิคหนึ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ก็คือ การใช้โซฟาผ้าสีอ่อนอย่างสีเทาอ่อน แล้วประดับด้วยหมอนอิงน้อยใหญ่หลายๆ ใบ อาจปูพรมอีกสักผืนเพื่อเพิ่มความสบาย เพียงแค่นี้ก็ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นอีกมาก

โคมไฟแขวน
อีกหนึ่งของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์รัสติกได้ดี คือโคมไฟโครงเหล็กแบบแขวน ซึ่งจะสอดรับกับโครงหลังคาจั่วของบ้านสไตล์ฝรั่งชนบทที่มักใช้หลังคาจั่ว และติดตั้งโคมไฟแบบแขวน เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ควรเลือกใช้หลอดไฟสีส้มเป็นหลัก เพราะสีส้มเหลืองของหลอดไฟจะเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน ช่วยสร้างความอบอุ่นสบายตาภายในบ้านได้อีกระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้การตกแต่งสไตล์นี้จะเน้นใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลัก แต่หากเราตกแต่งบ้านทั้งหลังด้วยสีไม้ ก็อาจทำให้ดูเป็นบ้านพักกรมป่าไม้ไปหน่อย อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้ คือการหยิบเอาสีอ่อนๆ อย่างสีขาวเข้ามาช่วยในการตกแต่ง ซึ่งจะทำให้บ้านไม่เป็นสีโทนเดียวจนเกินไป แต่ก็ยังสามารถเข้ากันได้ดีกับสีไม้ หรือจะใช้เป็นสีเทาอ่อน หรือสีเขียวอ่อนก็ได้เหมือนกัน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

วิธีแต่งบ้าน ที่เรามักพลาดกันบ่อยๆ

เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจะแต่งบ้านให้ออกมาสวยดูดี เป็นที่เจริญหูเจริญตา ทั้งต่อตัวเจ้าของบ้านเอง และแขกผู้มาเยือน แต่บางครั้งเราก็อาจเผลอทำผิดพลาดขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว จากการมองข้ามวิธีการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ตามที่ควรจะเป็น จนทำให้บ้านออกมาไม่สวยน่ามองอย่างที่ต้องการ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีแต่งบ้านแบบผิดๆ ที่คนมักทำพลาดกันเป็นประจำมาฝาก จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย

ซื้อพรมขนาดเล็กเกินไป
พรมสวยๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ในการตกแต่งบริเวณมุมนั่งเล่นหรือข้างเตียงในห้องนอน ให้ดูสวยโดดเด่น น่าสนใจขึ้นมาได้เยอะเลยทีเดียว แต่การซื้อพรมมาผิดขนาด นอกจากจะไม่ช่วยให้ห้องดูสวยแล้ว ยังจะทำให้ห้องดูแคบลงไปอีก เพราะพรมที่เล็กเกินไป จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาในทันที ฉะนั้นควรเลือกซื้อพรมที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นๆ ด้วย

เลือกเฟอร์นิเจอร์ผิดขนาด
โดยทั่วไป คนเรามักจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในแบบที่ชอบไว้ก่อน โดยไม่ค่อยสนใจองค์ประกอบอื่นๆ กันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของขนาดที่พอดีกับพื้นที่ห้องของตัวเอง ทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไปมาแต่งบ้านกันบ่อยๆ ทางที่ดีจึงควรวัดขนาดพื่นที่ห้องให้เรียบร้อย ก่อนออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์

ใช้สีอ่อนกับห้องที่สว่างอยู่แล้ว
สำหรับห้องที่เปิดรับแสงมากอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง ที่เป็นสีสว่างๆ เช่น สีขาว สีครีม หรือสีเหลืองอ่อน มากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สีในห้องดูซีดหมอง ไม่สดใส ควรหาสีโทนเข้มมาช่วยเสริม เพื่อให้ห้องดูมีมิติ น่ามองมากยิ่งขึ้น

ไม่หาต้นไม้มาประดับเลย
แม้จะเป็นคนที่ชื่นชอบการตกแต่งแนวโมเดิร์น แต่ก็ควรเลือกไม้ประดับสวยๆ มาใช้ตกแต่งห้องด้วย เพราะต้นไม้จะช่วยให้บรรยากาศของห้องดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเยอะ และยังเข้ากับการตกแต่งได้ทุกสไตล์ นอกจากนี้ยังช่วยให้บ้านดูผ่อนคลายได้มากขึ้น จึงถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ใส่ของจุกจิกมากเกินไป
สาวๆ หลายคน มักจะมีของสะสมจุกจิกน่ารักๆ เยอะ และก็อยากเอาออกมาโชว์แขกที่มาเยี่ยมบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรจำกัดจำนวนของโชว์ ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องรกจนไม่น่ามอง ควรเลือกของแบบที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านมาวางไว้เพียงไม่กี่ชิ้นก็พอแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครรู้ตัวว่าพลาด ก็ลองไปปรับวิธีการตกแต่งกันดูใหม่นะ เพื่อจะได้ห้องสวยแบบที่ใจต้องการ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

รวมเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิต ที่คนรักการแต่งบ้านต้องมี

                   สำหรับคนรักบ้านแล้ว การได้จัดบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือเลือกหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งบ้านให้ดูดีอยู่เสมอ นับเป็นกิจกรรมที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลายคนพอลุกขึ้นมาแต่งบ้านให้สวยงามแล้ว ก็สามารถขลุกอยู่กับบ้านได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ วันนี้เราเลยมีเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิตมาฝาก เพื่อเอาไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ มาแต่งบ้าน จะมีแบบไหนบ้าง ลองมาดูกัน

เฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล
เฟอร์นิเจอร์มินิมอล ที่นิยมมากได้แก่เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า เฟอร์นิเจอร์แบบมูจิ ซึ่งจะเน้นไปที่งานไม้สีอ่อนๆ พื้นผิวขัดเรียบ ดีไซน์น้อยตามสไตล์มินิมอล แต่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่น และกว้างขึ้น ให้ฟิลแบบญี่ปุ่น ไม่จัดจ้าน แต่เป็นระเบียบและดูสบายตา ใครไม่อยากตกเทรนด์ ก็ต้องรีบไปตามหามาแต่งบ้านกันด่วนๆ

เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ
เฟอร์นิเจอร์วัสดุธรรมชาติ นอกจากวัสดุไม้ที่ฮิตกันมากๆ แล้ว ปัจจุบันยังนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหินขัด หินควอทไซต์ หรือเทอราซโซ่ อย่างอ่างอาบน้ำ หรือเคาน์เตอร์ในครัว ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหรา และบรรยากาศสงบๆ ให้กับห้องได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ ก็ยังมีเฟอร์นิเจอร์จากวัสดุอื่นๆ ที่มาแรงอย่าง เก้าอี้ผักตบชวา หรือหวาย ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้บ้านดูเชย เพราะปัจจุบันมีการออกแบบให้ดูสมัย เข้ากับการแต่งบ้านได้หลายสไตล์ ใครอยากได้บ้านที่มีบรรยากาศแบบคาเฟ่เกาหลี ดูอบอุ่น ต้องไม่พลาด

เฟอร์นิเจอร์มือสอง
เฟอร์นิเจอร์มือสอง นับอีกหนึ่งเทรนด์ยอดนิยมตลอดกาล ส่วนราคาก็มีตั้งแต่แบบย่อมเยาว์ ไปจนถึงราคาแพงหูฉี่ ด้วยดีเทลแปลกตา มีเอกลักษณ์ และค่อนข้างไม่เหมือนใคร เฟอร์นิเจอร์มือสองบางชิ้นยังเป็นของเก่า ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และเต็มไปด้วยเรื่องราว จึงมีคุณค่า และราคาสูง แต่หากจะเลือกเฟอร์นิเจอร์มือสองมาแต่งบ้าน แนะนำให้เลือกจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และควรพิจารณารายละเอียดต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชัน
เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันได้รับความนิยมมากในการตกแต่งพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม โดยจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม ถือว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องดีไซน์ และการใช้ชีวิต เช่น โซฟาเบด เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของเยอะๆ หรือตู้เก็บของที่สามารถแปลงร่างเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย แม้บางชิ้นจะมีราคาสูง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้งาน

                   เป็นอย่างไรบ้างกับเฟอร์นิเจอร์สุดฮิตที่เราได้นำมาฝาก มีแบบไหนตรงกับใจกันบ้างรึเปล่า ถ้าชอบก็อย่าลืมไปซื้อไปหามาแต่งบ้านให้เข้าเทรนด์กันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทริคง่ายๆ สำหรับมือใหม่หัดทาสีบ้าน

                 เวลาที่บ้านของเราเกิดอาการผนังบวมจากน้ำฝน หรือร่อนแตกลายเพราะโดดแดดจัด แม้กระทั่งเบื่อสีผนังเดิม อยากเปลี่ยนเป็นสีใหม่ รู้หรือไม่ว่าสมัยนี้เราไม่จำเป็นต้องจ้างช่างให้สิ้นเปลืองแล้ว เพราะเราสามารถทำเองก็ได้ แต่ถ้าใครยังไม่เคยลอง วันนี้เรามีขั้นตอนการทาสีผนังห้องด้วยตัวเองมาฝาก ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

ขั้นตอน 1 : เลือกประเภทสีทาผนัง
การเลือกสีมาทาผนังนั้นไม่ยาก เพียงแค่เลือกให้ถูกว่าจะใช้สีทาภายในหรือสีทาภายนอก เช่น หากต้องการทาสีห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ก็ให้เลือกสีทาภายใน แต่ถ้าต้องการจะซ่อมแซมผนังนอกบ้าน ก็ให้เลือกสีทาภายนอก ส่วนเรื่องสี อยากได้โทนไหน เฉดไหน ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย

ขั้นตอน 2 : เตรียมผนังก่อนทาสี
การเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยให้สีใหม่ที่ทาไปเรียบเนียนและอยู่ทน ซึ่งขั้นตอนการเตรียมผนังอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผนังของแต่ละคน

  • หากมีวอลเปเปอร์แปะไว้ ให้แซะวอลเปเปอร์ และขัดกาวออกทั้งหมด
  • หากสีเก่าหลุดร่อน บวมผุ ก็ให้แซะออกให้เรียบร้อยก่อน
  • หากผนังมีคราบเชื้อรา ตะไคร่ หรือเขม่า ให้ใช้แปรงขัดทำความสะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า และปล่อยให้แห้งสนิทก่อน
  • หากผนังมีรอยร้าว ให้อุดรอยร้าวด้วยสีโป๊วปูนก่อน เวลาทาสีจะได้ไม่ตกร่อง
  • และขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมผนังก็คือ ใช้กระดาษทรายเบอร์ 3 ขัดให้ทั่วผนังที่ต้องการทาสี

ขั้นตอน 3 : ทารองพื้นก่อนลงสีจริง
สีรองพื้นจะช่วยให้สีจริงติดง่ายและอยู่ทน หากเลือกสีรองพื้นที่ป้องกันเชื้อรา หรือเป็นสีรองพื้นที่กันน้ำได้ ก็จะยิ่งดีมาก สีรองพื้นมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีและเหมาะกับสภาพผนังที่แตกต่างกัน เช่น สีรองพื้นสูตรน้ำ เหมาะกับผนังภายในบ้าน เพราะกลิ่นไม่ฉุนและแห้งเร็ว, สีรองพื้นสูตรน้ำมัน มีคุณภาพสูงกว่า แต่กลิ่นฉุน เหมาะกับผนังภายนอก โดยให้ทาสีรองพื้นทั่วผนังเพียง 1 ชั้น และรอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนลงสีจริง   

ขั้นตอน 4 : ทาสีผนัง
ขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการทาสีผนัง หลังจากสีรองพื้นแห้งสนิทแล้ว ให้เริ่มลงสีผนังได้เลย แนะนำให้ทา 2 ชั้น โดยทาสีชั้นแรกทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยทาสีชั้นที่ 2 ทับลงไป จะช่วยให้สีติดทน และกลบร่องรอยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอน 5 : เก็บรายละเอียด
ขั้นตอนสุดท้าย คือการเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สีชั้นที่ 2 แห้งสนิทแล้ว (ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน) ให้ใช้แปรงทาสีเก็บขอบมุมอีกรอบ แนะนำให้ทำอย่างใจเย็นไม่ต้องรีบ เท่านี้การทาสีผนังก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

                  การทาสีบ้านด้วยตัวเองนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่จะต้องใจเย็น อดทน ค่อยๆ เก็บรายละเอียด และใช้แรงกายมากสักนิด แต่เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้หายเหนื่อยแน่นอน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

จัดโต๊ะอาหารตามหลักฮวงจุ้ย เสริมพลังบวกให้

                  เรื่องของศาสตร์ ฮวงจุ้ย นับเป็นความเชื่อที่มีมายาวนาน และยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอจนกระทั่งปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าหากทำถูกต้องตามหลักแล้ว ก็จะช่วยเสริมให้เกิดโชคลาภ ความเจริญก้าวหน้า และนำพาแต่สิ่งดีๆ มาสู่คนในบ้าน ไม่เพียงเท่านั้นฮวงจุ้ยยังช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ และความสงบสุขของครอบครัวอีกด้วย

                  เมื่อพูดถึงฮวงจุ้ย หลายคนก็มักจะนึกไปถึงการจัดบ้าน หรือการตกแต่งห้องต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าแม้แต่พื้นที่เล็กๆ อย่างโต๊ะอาหาร ก็สามารถใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยมาเป็นตัวช่วยในการตกแต่งได้ด้วยเหมือนกัน

รูปทรงของโต๊ะ
ก่อนอื่นเลยควรเลือกโต๊ะอาหารให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง โดยรูปทรงที่ช่วยเสริมพลังงานด้านดี และเหมาะสมจะเป็นโต๊ะอาหารมากที่สุดก็คือทรงรีและทรงกลมที่มีความโค้งมน แต่หากจำเป็นต้องใช้ทรงสี่เหลี่ยม ก็อาจเสริมด้วยพรมเพื่อช่วยปรับให้สมดุลยิ่งขึ้น

ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะ
ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะอาหารที่ดีที่สุด คือ บริเวณกลางห้อง โดยหันมุมโต๊ะเล็กน้อยไปทางผนัง เพื่อให้พลังงานบวกไหลเวียนไปตามแนวเส้นโค้งได้

จัดโต๊ะแบบเรียบง่าย
การจัดโต๊ะอาหารเพื่อเพิ่มความสงบสุขให้กับคนในบ้าน ควรเน้นรูปแบบและสีสันที่เรียบง่าย โดยเลือกอุปกรณ์บนโต๊ะที่มีสภาพดี ไม่ว่าจะเป็น จาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม ไม่ควรบิ่นหรือแตกหัก ส่วนการตกแต่งตกโต๊ะควรมีแค่ 1 – 2 สี โดยเน้นเป็นลายเส้นแนวตั้ง จะช่วยเสริมพลังงานได้สูงกว่าลายอื่นๆ

ตำแหน่งที่นั่งบุคคลสำคัญ
บุคคลสำคัญของครอบครัว ควรนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งควรมีด้านหลังเป็นผนังหรือกำแพงทึบ ห่างจากประตู และไม่ควรมีหน้าต่างอยู่ด้านหลัง เพราะจะทำให้สูญเสียพลังงาน และรู้สึกไม่มั่นคง

ผลไม้ ดอกไม้ เสริมความสุข
ลองนำภาชนะทรงกลมใส่ผลไม้วางไว้กลางโต๊ะอาหาร หรือจะเป็นแจกันดอกไม้เสริมความสดชื่นสดใสก็ได้ โดยเป็นให้ใช้เป็นดอกไม้สด ควรหลีกเลี่ยงดอกไม้แห้ง เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนล้าแทนสดชื่น สำหรับผลไม้แนะนำเป็น ส้ม แอปเปิ้ล และลูกแพร์ จะช่วยเสริมความร่ำรวย มั่งคั่ง และสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

                 และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยเนรมิตโต๊ะอาหารในบ้าน ให้กลายเป็นจุดที่รับแต่พลังงานด้านบวกเข้ามา ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ให้พูดคุยกันเข้าใจกัน และมีแต่ความสงบสุข ใครที่อยากให้การทานข้าวร่วมกันในทุกๆ วันของคนในครอบครัว นำพามาแต่เรื่องดีๆ ก็ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับโต๊ะอาหารที่บ้านของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทำความรู้จักกับตู้เย็น 2 ประตู 2 สไตล์

Side by Side และ French door

          ตู้เย็น 2 ประตู อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าเลือกซื้อได้ไม่ยาก แค่เลือกขนาดความจุให้พอดีกับความต้องการใช้งาน เลือกแบรนด์น่าเชื่อถือ ซื้อรุ่นที่ประหยัดไฟ และราคาพอรับได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นตู้เย็น 2 ประตู ยังมีแบบ Side by Side และ แบบ French Door ซึ่งจัดเป็นตู้เย็นขนาดใหญ่ประเภท 2 ประตูเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่าง เรามาทำความรู้จักกับตู้เย็นทั้ง 2 แบบกันดีกว่า

ตู้เย็น Side by Side 2 ประตู

                ตู้เย็นแบบนี้เริ่มต้นใช้กันที่ยุโรป ต่อมาก็มาฮิตกันในอเมริกา เนื่องจากวัฒนธรรมการจับจ่ายซื้ออาหารของคนยุโรปและอเมริกานั้น มักจะนิยมการช้อปปิ้งไม่บ่อยครั้ง แต่จะเน้นซื้อครั้งละมากๆ เพื่อไปกักตุนไว้กินกันได้ตลอดสัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ เพื่อกักเก็บอาหารไว้ได้นานๆ และมีระบบทำความเย็น ช่องแช่แข็งที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเรื่องของดีไซน์ ก็ต้องสอดรับกับวัฒนธรรมตะวันตก ที่จะไม่ได้มีพื้นที่กว้างสำหรับการเปิดประตูตู้เย็นมากนัก การดีไซน์ประตูของตู้เย็น side by side จึงทำให้เปิดได้ทั้งซ้ายขวา เพื่อเป็นการลดพื้นที่สำหรับการเปิดประตูนั่นเอง

                ข้อดีของดีไซน์ Side by Side ที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนชั้นวางภายในได้หลายรูปแบบ ทำให้จัดวางและแช่สิ่งของได้หลายขนาดหลายรูปทรงมากขึ้น บางรุ่นก็เพิ่มระบบกดน้ำมาที่หน้าประตูตู้ด้วย

                ส่วนข้อเสียของตู้เย็น Side by Side ก็คือ แม้จะแบ่งแยกสัดส่วนออกมาเป็น 2 ฝั่งก็จริง แต่จะมีฝั่งหนึ่งที่แคบกว่า ด้วยความกว้างที่จำกัด จึงอาจทำให้นำภาชนะใส่อาหารใหญ่ๆ เข้าไปแช่ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการพื้นที่ของแต่ละคน และด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่ จึงต้องใช้กำลังไฟมาก กินไฟมากกว่า และมีราคาสูงกว่าตู้เย็นขนาดกลางๆ ทั่วไปพอสมควร

ตู้เย็น French door 2 ประตู

               โดยปกติแล้วตู้เย็นทั่วไปจะมีช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน เพราะเป็นการดีไซน์ตามหลักฟิสิกส์ ที่อากาศเย็นจะไหลลงสู่เบื้องล่างเสมอ นั่นจึงทำให้ ตู้เย็นทั่วไปนำช่องแช่แข็งไว้ด้านบน เพื่อสามารถกระจายความเย็นลงสู่ด้านล่าง แต่แนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศสแตกต่างออกไป เพราะในฝรั่งเศสอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ทำให้คนไม่ค่อยกังวลกับการแช่อาหารนัก แต่คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน หยิบจับอาหารออกจากตู้เย็นได้รวดเร็วมากกว่า จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตดีไซน์ตู้เย็นแบบ French door ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนฝรั่งเศสนั่นเอง

                   บางคนอาจจะคิดว่าตู้เย็นนี้ออกแบบมาสวนทางกับหลักการไหลของอากาศ จึงทำให้เย็นไม่ทั่วถึง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะด้านในช่องแช่แข็งจะมีพัดลมกระจายความเย็นอยู่อีก 1 ตัว จึงกระจายความเย็นได้ทั่วถึงไม่ต่างจากตู้เย็นทั่วไป เพียงแต่การมีพัดลมเพิ่มเข้ามา จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น

                  กล่าวโดยสรุป ตู้เย็น French door ก็คือตู้เย็น side by side อีกรูปแบบหนึ่ง มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียในการใช้งานแทบจะเหมือนกันหมด ต่างกันตรงที่แบบ French door จะย้ายช่องแช่แข็งไปไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นแนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศส อันเป็นที่มาของคำว่า French นั่นเอง

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์คอทเทจ

การแตกแต่งสไตล์ Cottage เป็นการตกแต่งบ้านแบบคันทรีตะวันตก ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับสไตล์ Vintage ที่มีบรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ น่าอยู่อาศัย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี แต่สไตล์ Cottage จะดูดิบกว่า เนื่องจากวัสดุที่ใช้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ และดูเรียบง่าย เช่น ใช้ไม้สนทำฝ้าเพดานหรือผนัง โดยงานจะไม่ละเอียดนัก เพื่อให้เห็นถึงพื้นผิวธรรมชาติของไม้จริงๆ

Tips ในการตกแต่งสไตล์ Cottage

  • สีสันและแพตเทิร์น
    การตกแต่งสไตล์คอทเทจ นิยมใช้สีเอิร์ทโทน เช่น สีเบจ ขาว เทา ดำ น้ำตาล และครีม โดยอาจมีการนำวอลเปเปอร์เข้ามาช่วยเสริมให้ผนังดูโดดเด่น ซึ่งมักจะใช้เป็นลายดอกไม้ หรือลายผิวไม้ เป็นส่วนใหญ่
  • ไม้คือส่วนประกอบสำคัญ
    ไม้ จัดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการตกแต่งสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็น กรอบรูปไม้ กระถางไม้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ ควรเลือกใช้วัสดุที่เป็นไม้เปลือย ไม่ผ่านการทาสี หรือเคลือบแลคเกอร์ เน้นผิวสัมผัสที่แท้จริงของธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านไม่ดูปรุงแต่งมากเกินไป
  • พื้นและหน้าต่าง
    พื้น จะเน้นความเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นพื้นไม้ แต่หากเป็นไม้ที่ดูใหม่เกินไป ก็อาจจะใช้วิธีการทาสีให้ดูเก่าลงก็ได้ ส่วนเรื่องความเข้มของสีไม้ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน สำหรับหน้าต่าง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกผ้าม่าน ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งหลักการเลือกใช้สี หรือลวดลายของผ้าม่านนั้น จะคำนึงถึงสีของผนังห้องและเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นหลัก เช่น หากผนังห้องสีครีม แนะนำให้ใช้ผ้าม่านสีครีม สีน้ำตาล หรือสีเบจ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน
  • ของตกแต่ง
    ของตกแต่งบ้าน ก็ถือเป็นเสน่ห์ที่จะช่วยให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น ซึ่งของที่นำมาประดับ ก็มักจะเป็นของที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกดัดแปลงมากนัก เน้นความสบายตาหลัก เช่น พรมปูพื้นเรียบๆ เตียงเหล็กดัดที่ดูโปร่งสบาย และให้กลิ่นอายของความอบอุ่น รวมถึงดอกไม้สด ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ขาดไม่ได้ เพราะจะทำให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ส่วนของประดับอื่นๆ อย่างจานชาม ก็ยังสามารถเอาออกมาโชว์ได้ด้วย แนะนำให้เลือกเป็นเซตที่ดูสวยงาม โดยอาจหามุมวางเพื่อให้ดูเป็นสัดส่วน และชวนมองมากขึ้น

Cottage Style ถือเป็นการตกแต่งที่ไม่ได้มีรายละเอียดยุ่งยากมากนัก ทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และอบอุ่นเมื่อได้อยู่อาศัย สำหรับใครที่อยากลองปรับบ้านให้เป็นสไตล์นี้ ก็อาจจะเริ่มจากการหาของตกแต่งเล็กๆ มาลองแต่งดูก่อนก็ได้ และถ้าหากเริ่มรู้สึกหลงรักสไตล์นี้ขึ้นมาจริงๆ เมื่อไร ค่อยขยับขยายการตกแต่งให้ใหญ่ขึ้น

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

“เตาปิ้งย่าง” ใช้ภายในอาคารได้ไหม?

               เชื่อว่าคงเป็นคำถามที่หลายคนน่าจะเคยสงสัยกันว่า เตาปิ้งย่าง นั้นสามารถใช้งานภายในตัวอาคารได้หรือไม่ เพราะจากเตาย่างอาหารแบบดั้งเดิมที่ต้องก่อไฟด้วยถ่าน มักจะมีควันไฟเยอะจนไม่สามารถใช้ในบ้านได้ แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้ได้มีการทำเตาย่างออกมาอีกหลายแบบ รวมทั้งแบบแก๊ส และแบบไฟฟ้า จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วเตาย่างพวกนี้ใช้ในอาคารบ้านเรือนได้หรือไม่ และต้องใช้อย่างไรจึงจะปลอดภัย

เตาปิ้งย่างแบบไหนสามารถใช้ภายในอาคารได้

                 การจะดูว่าเตาปิ้งย่างนั้นๆ ใช้ภายในอาคารได้หรือไม่ ต้องดูว่ามีควันไฟหรือไม่ เพราะควันไฟจากการปิ้งย่างอาหารจะเป็นพิษต่อร่างกาย และอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย จึงไม่ควรใช้ในบ้านอย่างเด็ดขาด แต่สามารถใช้ย่างอาหารภายนอกบ้านบริเวณพื้นที่โล่งได้

ดังนั้นหากเป็นเตาย่างอาหารที่มีควันไฟ เช่น เตาย่างแบบแก๊สหรือแบบถ่าน ไม่ควรใช้ภายในอาคาร แต่ถ้าเป็นเตาย่างแบบไฟฟ้า ก็สามารถใช้ได้ เพราะเป็นระบบไร้ควัน และถูกผลิตมาให้ใช้งานภายในอาคารอยู่แล้ว

               นอกจากนี้ก็มีเตาแบบปิ้งย่างอาหารอีกประเภทหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ภายในอาคารได้ นั่นก็คือ เตาย่างไร้ควัน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเตาย่างแบบแก๊ส แต่มีการผลิตขึ้นมาให้ใช้ย่างอาหารได้โดยไม่มีควันนั่นเอง

ใช้เตาย่างภายในอาคารอย่างไรให้ปลอดภัย

              แม้ว่าเราจะเลือกใช้เตาย่างแบบไฟฟ้า หรือเตาย่างไร้ควันภายในอาคารแล้วก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% เพราะอาจเกิดอันตรายอื่นๆ จากการใช้งานผิดวิธี หรือใช้งานแบบไม่ระมัดระวังได้เหมือนกัน ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าจะต้องใช้งานอย่างไรจึงปลอดภัย

  1. เลือกใช้เตาย่างที่ได้มาตรฐาน
    หากจะใช้เตาย่างอาหารภายในอาคาร ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยต้องเลือกเตาย่างที่ได้มาตรฐาน และอย่าลืมตรวจสอบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อด้วย ว่าไม่มีการชำรุดเสียหาย
  • ตรวจสอบสภาพก่อนใช้งาน
    ในกรณีที่เป็นเตาย่างแบบไฟฟ้า บางครั้งสายไฟก็อาจรั่วโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ดังนั้นก่อนใช้งานทุกครั้งควรตรวจสอบสายไฟให้ดี รวมถึงตรวจเช็คสภาพของเตาย่างด้วย หากพบว่ามีการชำรุดเสียหาย ไม่ควรนำมาใช้อย่างเด็ดขาด
  • อย่าใช้ขณะเตาเปียกน้ำ
    หากเพิ่งล้างทำความสะอาดเตาย่างไฟฟ้าเสร็จ อย่ารีบนำมาใช้งานในทันที ควรรอให้แห้งสนิทเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากไฟช็อตได้สูงมาก
  • อย่าใช้มือสัมผัสหน้าเตาขณะใช้งาน
    ในขณะกำลังใช้งานเตาย่าง บริเวณหน้าเตาที่เป็นตะแกรงปิ้งย่างจะมีความร้อนสูง ไม่ควรนำมือไปสัมผัสโดยตรง ควรหาที่คีบอาหารมาใช้จะดีที่สุด
  • ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
    เมื่อใช้งานเสร็จควรถอดปลั๊กออกทุกครั้ง ห้ามเสียบทิ้งไว้อย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้ไฟช็อตได้ ทั้งนี้อาจถึงขั้นทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้เลยทีเดียว

             ใครที่ต้องการปิ้งย่างอาหารภายในตัวอาคาร ควรเลือกเตาที่เหมาะสม และใช้อย่างปลอดภัยตามคำแนะนำเหล่านี้ เพราะอันตรายอาจเกิดขึ้นได้เสมอหากเราใช้งานผิดวิธี หรือไม่ระมัดระวังมากพอ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

แอร์เคลื่อนที่ ดีอย่างไร?

                พอเข้าหน้าร้อนทีไร เครื่องใช้ในบ้านที่คนจะนึกถึงกันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเครื่องทำความเย็นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ ที่หลายคนนิยมเรียกกันติดปากว่า แอร์ นั่นเอง

                แอร์ ที่ใช้กันอยู่ในบ้านทั่วไปนั้นมีหลายแบบ หลายขนาด แต่วันนี้เราจะขอพูดถึงแอร์ขนาดเล็ก ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น ที่เราเรียกกันว่า แอร์เคลื่อนที่

                บางครั้งการติดแอร์ห้องต่างๆ ทั่วทั้งบ้าน ก็ถือเป็นความสิ้นเปลืองเกินไป หรือบางบ้านอาจติดตั้งไม่ได้ด้วยเหตุผลทางด้านสถาปัตยกรรม ด้วยความที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แอร์เคลื่อนที่ จึงช่วยแก้ปัญหาไปได้มากเลยทีเดียว เพราะมีหลักการทำงานที่ไม่ต่างกับแอร์ติดผนัง เพียงแต่บางยี่ห้อ บางรุ่นอาจต้องการความเข้าใจในรายละเอียดการทำงานบ้างพอสมควร ในขณะที่บางรุ่นต้องมีการ DIY ช่วยเหลือการทำงานบางส่วนด้วย

ข้อดีของแอร์เคลื่อนที่

แอร์เคลื่อนที่นั้นมีข้อดีกว่าแอร์บ้านแบบติดผนังทั่วไปในเรื่องของการติดตั้งและการเคลื่อนย้าย ดังนี้

  • การติดตั้ง สามารถวางกับพื้นได้เลย ไม่ต้องเจาะกำแพงติดตั้งให้ยุ่งยาก
  • มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
  • ใช้งานง่าย สามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย แค่ต้องหาตำแหน่งวางท่อลมระบายความร้อน และท่อน้ำทิ้งไว้ด้วย
  • ดูแลรักษาง่าย เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด

ข้อเสียของแอร์เคลื่อนที่

อย่างไรก็ตาม แอร์เคลื่อนที่อาจมีข้อเสียในเรื่องของประสิทธิภาพอยู่บ้าง แต่ถ้าใช้อย่างถูกวิธี ก็อาจไม่ต้องคำนึงถึงข้อเสียเหล่านี้เลย

  • แอร์เคลื่อนที่ จัดเป็นแอร์ขนาดเล็ก ไม่เหมาะจะเปิดในห้องกว้างๆ เพราะจะให้ความแค่เย็นในพื้นที่จำกัด
  • อัตราการกินไฟเกือบเท่าแอร์บ้าน ในขณะที่ทำความเย็นได้น้อยกว่าแอร์บ้าน
  • ต้องยื่นท่อลมร้อนเป่าออกนอกห้องทุกครั้ง เพื่อระบายความร้อน

              แอร์แบบเคลื่อนที่ เป็นรูปแบบของแอร์ที่กำลังได้รับความนิยมมากทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะสะดวกในการเคลื่อนย้าย ทำให้ข้อจำกัดทั้งหลายในอดีตที่เคยมีนั้นหมดไป

เหมาะกับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในหอพัก อพาร์ทเม้นต์ คอนโดมิเนียม ที่อยากจะให้ที่พักเย็นสบาย แต่ไม่สามารถติดตั้งแอร์ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำแอร์เคลื่อนที่ย้ายไปยังที่อยู่ใหม่ได้อีกด้วย  ต่อไปนี้ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้าน และไม่ว่าจำนวนห้องในบ้านจะมีมากแค่ไหน

แม้ว่าจะออกนอกสถานที่ไปบ้านตากอากาศ หรือแม้แต่แคมป์ปิ้งก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะไม่ได้รับความสบาย เพราะแค่มีแอร์เคลื่อนที่ ก็เปรียบเหมือนเราพกห้องแอร์ไปด้วยทุกที่แล้ว หากไม่อยากอยู่อย่างร้อนอบอ้าวในช่วงหน้าร้อนนี้แล้วล่ะก็ บ้านใครยังไม่มีแอร์ต้องรีบหามาใช้ด่วนเลย

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

‘เก้าอี้เกมมิ่ง’ เลือกยังไงให้ถูกใจเกมเมอร์

                  คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจว่า เก้าอี้สำหรับใช้นั่งเล่นเกมโดยเฉพาะนั้นมันแตกต่างจากเก้าอี้ธรรมดายังไง แต่สำหรับเกมเมอร์แล้ว เก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักเล่นเกมโดยเฉพาะ มันดีกว่าจริงๆ

เก้าอี้เกมมิ่ง ดียังไง?

                  เก้าอี้เกมมิ่งในภาพจำของใครหลายคน มักจะเป็นเก้าอี้ที่มีสีสันฉูดฉาด และดีไซน์แปลกตา ซึ่งภายใต้ดีไซน์ที่แตกต่างนั้น มันยังถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานนั่งได้สบายที่สุด แม้จะต้องนั่งนานๆ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า คนเล่นเกมนั้น มักจะเล่นต่อเนื่องกันนานหลายชั่วโมง หากต้องนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่ดีพอ ก็คงต้องเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมไม่ต่างจากพนักงานออฟฟิศแน่ๆ เก้าอี้เกมมิ่งจึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้

               เก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกับเบาะรถแข่ง ซึ่งจะมีการซัพพอร์ตที่บริเวณหลัง สะโพก และลำคอ ช่วยลดแรงกดทับ ให้ร่างกายไม่ต้องแบกรับน้ำหนักตัวเต็มๆ ป้องกันกระดูกสันหลังบิดเบี้ยวจากการนั่งผิดท่าเป็นเวลานานๆ จึงทำให้เก้าอี้เกมมิ่งนั่งสบายกว่าเก้าอี้ทั่วไป แถมบางรุ่นยังปรับเอนนอนได้อีกด้วย

หลักในการเลือกซื้อเก้าอี้เกมมิ่งมาใช้งาน

  • ดูจากเบาะรองนั่งของเก้าอี้
    เบาะรองนั่งของเก้าอี้เกมมิ่งแต่ละยี่ห้อ จะทำมาจากวัสดุต่างชนิดกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฟองน้ำ หรือเมมโมรีโฟม ควรเลือกเบาะที่นั่งสบาย ไม่นุ่มเกินไป รับน้ำหนักได้ดี และสามารถใช้งานได้นาน เพราะในแต่ละวันจะต้องนั่งนานหลายชั่วโมง หากเบาะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ อาจเสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

  • ดูจากวัสดุหุ้มเก้าอี้
    วัสดุหุ้มเก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะทำมาจากหนังเทียมอย่าง PU หรือ PVC ซึ่งมีความสวยงาม หรูหราคล้ายหนังแท้ ทั้งยังให้สัมผัสที่นุ่มสบาย และทำความสะอาดง่ายเวลาเปื้อน นอกจากนี้ก็ยังมีเก้าอี้เกมมิ่งที่ทำจากผ้าตาข่าย ซึ่งจะระบายอากาศได้ดีกว่า และไม่กักเก็บความร้อน ใครที่เป็นคนขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย แนะนำให้เลือกเป็นเก้าอี้แบบตาข่ายก็จะตอบโจทย์มากกว่า

  • ดูจากดีไซน์ของเก้าอี้
    เก้าอี้เกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีสีสันฉูดฉาด เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศ และเพิ่มอรรถรสให้การเล่นเกมได้ นอกจากนี้ก็ยังทำให้ดูโดดเด่นบนหน้าจอ หากมีการสตรีมเกมสดๆ อีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบสีสัน ก็อาจเลือกเป็นเก้าอี้แบบเรียบๆ ได้เช่นกัน

              เกมเมอร์ทั้งหลาย อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ในการเลือกซื้อเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นเกมดูนะ จะได้มีเก้าอี้ดีๆ ที่ช่วยให้เล่นเกมได้สนุกขึ้น แถมยังเป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับบ้านปูน

               เมื่อพูดถึง บ้านปูน ภาพที่มักจะผุดขึ้นมาในสมองก็คือ บ้านที่ก่อด้วยอิฐและฉาบปูน โครงสร้างหล่อจากคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ้านปูนเปลือยหรือบ้านสไตล์ลอฟท์ บ้านที่โชว์โครงสร้างและผนังปูน โดยไม่มีการนำวัสดุอื่นได้มาฉาบปิดทับตกแต่ง  ปัจจุบันการสร้างบ้านมีระบบก่อสร้างที่หลากหลาย แต่ที่พบเห็นในประเทศไทยมากที่สุด คือบ้านปูนและบ้านไม้ โดยบ้านไม้ส่วนใหญ่จะพบเห็นในชนบท ส่วนบ้านปูจะพบเห็นได้ทั่วไป

ทำไมบ้านปูนถึงเป็นที่นิยม

              ความนิยมบ้านปูนที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบ้านปูนมีราคาถูกและแข็งแรงมากกว่า เมื่อเทียบกับบ้านไม้ ซึ่งนับวันราคามีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันอายุการใช้งานของบ้านปูน ด้วยโครงสร้างอาคารที่สร้างมาจากปูนซีเมนต์ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานไม่ต่ำกว่า 50 ปี บางหลังหากดูแลและรีโนเวทอยู่เป็นประจำก็อาจมีอายุใช้งานถึง 100 ปี ได้เลย

ข้อดีของบ้านปูน

  1. แบบบ้านปูนในปัจจุบันมีให้เลือกมาก อีกทั้งเจ้าของบ้านยังสามารถออกแบบและตกแต่งได้ตามชอบ
  2. ต้นทุนวัสดุก่อสร้างบ้านปูนราคาไม่แพง แถมผลิตภัณฑ์และชนิดของปูนในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลากหลาย
  3. บ้านปูนสามารถปรับตัวกับสภาพอากาศร้อนและเย็นได้ดี เช่น ในหน้าร้อนบ้านปูนจะอยู่เย็นสบาย เพราะปูนช่วยดูดซับความร้อน และในหน้าหนาวปูนจะป้องกันลมเข้าบ้านได้ดีทำให้ภายในบ้านอบอุ่น
  4. บ้านปูนเก็บเสียงได้ดี และยังป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่าบ้านไม้ นอกจากนี้บ้านปูนยังป้องกันฝุ่นละออง ควัน และกลิ่นต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้อด้อยของบ้านปูน

  1. บ้านปูนโดยส่วนใหญ่มักมีปัญหาสีหมอง และหลุดร่อนง่าย ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องซ่อมบำรุงบ่อย
  2. บ้านปูนมีความยืดหยุ่นน้อย ในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว บ้านปูนจะเกิดผนังแตกร้าวได้ง่ายกว่าบ้านไม้
  3. บ้านปูนจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นอับ และเกิดปัญหาเชื้อราบนผนังได้ง่าย โดยเฉพาะบ้านที่ไม่ได้ทาสีป้องกันเชื้อราเพราะระบายอากาศได้ไม่ดีนัก
  4. บ้านปูน หากออกแบบไม่ดี หรือเลือกใช้โทนสีไม่เหมาะสม อาจทำให้บ้านดูมืดทึบ อยู่แล้วอึดอัด
  5. การเคลื่อนย้าย ปรับปรุง หรือต่อเติม บ้านปูนจะทำได้ยากกว่าบ้านไม้ จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา หรือไม่ก็ต้องทุบทิ้งเพื่อสร้างใหม่

              อย่างไรก็ดี การเลือกที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านปูน บ้านไม้ หรือบ้านโครงสร้างอื่นๆ ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป ดังนั้นผู้ซื้อควรศึกษาข้อดีข้อเสียของบ้านแต่ละแบบให้ดีก่อนตัดสินใจ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ตกแต่งบ้านแนวใหม่ สไตล์ Modern Artisan

               การแต่งบ้าน Modern Artisan คือการตกแต่งในสไตล์ทันสมัย เรียบหรู แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ จากของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่มีดีเทลละเอียดปราณีต และจากเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ที่ให้ทั้งความแข็งแรง และสวยงาม ทำให้บ้านดูอบอุ่น หรือแม้แต่การตกแต่งบ้านด้วยงานฝีมือ งานหัตถกรรม งานแฮนเมดทั้งหลาย จึงทำให้หลายคนหลงใหลในการตกแต่งสไตล์นี้ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อยู่ท่ามกลางความฉาบฉวยจากเทคโนโลยี วันนี้เราจึงได้รวบรวมไอเดียแต่งบ้าน Modern Artisan มาฝาก จะเป็นยังไงบ้าง ลองมาดูกันเลย

ห้องนั่งเล่น
นับเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็นทั้งห้องรับแขก และห้องพักผ่อนในวันว่าง หมอนอิงกับผ้าห่มผืนนุ่มจึงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เพราะนอกจากเรื่องของประโยชน์ใช้สอยแล้ว ยังเป็นของตกแต่งบ้านที่น่าสนใจได้ด้วย เทคนิคคือ หากไม่สามารถหาหมอนอิงและผ้าห่มที่ถักทอจากวัสดุท้องถิ่นได้ แค่เลือกใช้ผ้าพิมพ์ลายที่มีสีสันโดดเด่น อาจเลือกเป็นลายกราฟฟิกที่ให้อารมณ์แบบชนเผ่า หรือลวดลายธรรมชาติที่ให้ทั้งความสดใสและสดชื่น รับรองว่าต้องสะดุดตาผู้มาเยือนอย่างแน่นอน

ห้องทำงาน
ห้องทำงานไม่จำเป็นต้องเคร่งขรึมเสมอไป ควรเปิดรับแสงธรรมชาติด้วยกระจกเต็มบาน แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัววันไหน ก็แค่รูดผ้าม่านสีน้ำตาลครีมที่มี texture เหมือนผ้าทอมาปิด โทนสีโดยรวมของห้องทำงานสามารถคุมโทนให้เป็นสีและลวดลายเลียนแบบธรรมชาติได้ ตั้งแต่โทนสีผนัง สีพรม เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ และอุปกรณ์มาจากงานจักสาน ที่ช่วยลดความแข็งกระด้างของโทนสีขรึมได้เป็นอย่างดี

ห้องนอน
ห้องแห่งการพักผ่อนอย่างห้องนอน สามารถเลือกใช้เตียงนอนไม้โทนสีอบอุ่น ที่เข้ากันกับพื้นไม้ได้ แต่หากชอบความเรียบ หรือกลัวเชย ก็ใช้งานหัตถกรรมง่ายๆ ด้วยกระถางต้นไม้แบบสาน กับต้นไม้ฟอกอากาศฟอร์มสวยๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมอโรม่า เพิ่มบรรยากาศการพักผ่อนแสนสบาย เมื่อเอนกายลงบนหมอนอิงลวดลายกราฟฟิกสไตล์ชนเผ่า

ผ้าม่าน/พรม
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ของการแต่งบ้าน Modern Artisan คือผ้าม่านและพรม ควรเน้นสีโทนสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโปร่งโล่ง อย่างม่านโปร่งที่ให้แสงธรรมชาติลอดผ่านมาได้ โดยไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัวมากนัก นอกจากเนื้อผ้าที่ถักทออย่างเป็นธรรมชาติบนผ้าม่านแล้ว ผิวสัมผัสของพรมปูพื้นที่อ่อนนุ่ม ก็ควรเลือกเป็นงานที่ถักทออย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน

             สุดท้าย ที่จะลืมไม่ได้เลยคือเรื่องของการจัดแสง เน้นโคมไฟสไตล์โมเดิร์น แต่แฝงความพิเศษไว้ด้วยดีเทลลายธรรมชาติ เช่น ลายหินอ่อน นอกจากจะให้แสงที่สวยละมุนแล้ว ดีไซน์ที่เน้นเส้นสายโค้งมนแบบนี้ ยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลกว่าเส้นตรง หรือโคมไฟแบบมีเหลี่ยมมุมอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

สร้างบ้านจาก ‘ตู้คอนเทนเนอร์’

              บ้านที่สร้างจาก ตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากมีบ้านแบบกะทัดรัด เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์มีรูปทรงที่เหมาะอยู่แล้วกับการนำมาสร้างเป็นอาคาร อีกทั้งคุณภาพวัสดุเหล็กของตัวตู้เองก็มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถนำมาสร้างเป็นที่อยู่อาศัยได้สบายๆ สำหรับใครที่อยากสร้างบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

  1. วางแผน
    ก่อนจะสร้างบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้น รวมทั้งขออนุญาตเพื่อก่อสร้างให้เรียบร้อย โดยปกติเรามักจะซื้อตู้คอนเทนเนอร์เก่ามาทำ ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายแสน จากนั้นก็ทำการออกแบบร่วมกับสถาปนิก และวิศวกรโครงสร้าง เพื่อให้แน่ใจว่าบ้านจะมีโครงสร้างที่ดีพอ เพราะการสร้างบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์นั้นมีความแตกต่างจากการสร้างบ้านไม้ หรืออิฐ

  2. ซื้อตู้คอนเทนเนอร์
    การเลือกซื้อตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างบ้าน จะต้องคำนึงถึงขนาด และสภาพของตู้ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน รวมถึงเรื่องของการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเมื่อคุณนำมาทำเป็นบ้าน ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อจะต้องเช็คเรื่องต้นทุน การจัดส่ง ชื่อเสียงของผู้ขาย รวมถึงการรับประกันหลังการขายด้วย
  • ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์
    วิธีที่ง่ายที่สุดคือการจ้างเครน และรถบรรทุกส่งของ ซึ่งทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงอาจจะต้องจ้างช่างก่อสร้างผู้ชำนาญในพื้นที่ หรือเช่ารถยกสำหรับพื้นที่ขรุขระด้วย

  • ตัดช่องประตู หน้าต่าง
    เมื่อนำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นบ้าน จะต้องมีการเปิดช่องเพื่อทำเป็นประตู และหน้าต่าง โดยมีหลายวิธีในการตัดช่อง แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างต่างๆ ของตู้คอนเทนเนอร์ก่อนลงมือทำ ส่วนรูปแบบของประตู หน้าต่าง และพื้น ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบ
  • ติดตั้งระบบไฟฟ้า และประปา
    แม้จะยังไม่รู้ว่าต้องใช้ไฟฟ้ามากแค่ไหน แต่การเดินสายไฟไว้ก่อนตั้งแต่แรกนั้นง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของระบบน้ำประปา เครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงระบบแผงโซล่าเซลล์เผื่อไว้สำหรับในอนาคตด้วย

  • เพิ่มฉนวนกันความร้อน
    การติดตั้งฉนวนภายใน อาจทำให้สูญเสียพื้นที่ใช้สอยไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งหากไม่ต้องการสูญเสียพื้นที่ภายในก็สามารถหุ้มฉนวนที่ด้านนอกได้เช่นกัน

              เมื่อสร้างบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ให้สวยงามดูดีทั้งภายนอกและภายในแล้ว ก็อย่าลืมนึกถึงพื้นที่บริเวณรอบๆ บ้านด้วย โดยอาจพิจารณาเพิ่มการตกแต่งดาดฟ้า เพื่อขยายพื้นที่ใช้สอย หรือจัดสวนหน้าบ้าน เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน และยังทำให้บ้านดูกว้างขวาง ทั้งยังช่วยให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แนวคิดการตกแต่งบ้านแบบ “เปิด”

แนวคิดการตกแต่งบ้านแบบ “เปิด”

                  แนวคิดการตกแต่งบ้านของคนส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการตกแต่งภายใน และการสร้างห้องต่างๆ ด้วยวิธีก่อผนังมาปิด เพื่อแบ่งอาณาเขตของห้อง หรือถ้าเป็นบ้านทาวเฮาส์ที่มีการทำห้องสำเร็จรูปไว้แล้ว ก็อาจจะใช้ม่านหรือฉากกั้น  เพื่อแสดงอาณาเขตของพื้นที่ใช้งาน  ซึ่งทั้งหมดตรงกันข้ามกับแนวคิดแบบ เปิด ที่กำลังจะพูดถึงอย่างสิ้นเชิง  

                 การเปิด คือการเอาผนังทั้งหมดของบ้านออก เพื่อให้ส่วนของบ้านดูกว้างขึ้น และยังได้กำไรจากทัศนียภาพภายนอกที่เชื่อมต่อมาถึงภายใน จนกลายเป็นว่าอาณาเขตของบ้านไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่าเป็นแนวคิดที่ไร้กรอบ สร้างสรรค์ และมีจินตนาการที่ไม่รู้จบ

                 จะว่าไปแล้วการตกแต่งบ้านด้วยแนวคิดแบบเปิดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราจะต้องเป็นคนที่มีความรอบคอบมากกว่าคนอื่นๆ ด้วย เพราะการออกแบบบ้านในลักษณะนี้  คือการวางทุกอย่างเอาไว้บนระนาบเดียวกัน และหากมองภาพรวมของบ้าน จะเห็นงานตกแต่งทั้งหมดเป็นงานชิ้นเดียวกัน ถ้าเราพลาดแม้เพียงจุดเดียว ก็อาจทำให้ภาพโดยรวมเสียหายไปหมด จนไม่เหลือความงามเลย ฉะนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า มีหลักอะไรบ้างหากเราต้องการจะแต่งบ้านด้วยแนวคิดแบบเปิด

  1. โทนสี 
    บ้านแบบเปิด จะมีอาณาเขตของห้องเป็นตัวแบ่งพื้นที่ ฉะนั้นเราต้องมีความรู้มากพอในการเลือกใช้สีที่เหมาะสม โดยเลือกใช้สีที่สามารถบ่งบอกได้ว่า พื้นที่ตรงไหนคือโซนของห้องครัว ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น เพราะบ้านแบบนี้จะไม่มีกำแพง ฉะนั้นการจัดสรรพื้นที่ภายในอย่างชาญฉลาด จะเป็นการสร้างอาณาเขตจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เราอาจเลือกใช้สีผนังที่ต่างกันในการแบ่งพื้นที่ของห้อง ใช้เฟอร์นิเจอร์เพื่อบอกอาณาเขตที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่ให้สัมผัสที่ต่างกัน ก็จะทำให้เรารู้ได้ว่า พื้นที่ตรงนี้คือส่วนของห้องนั่งเล่น ตรงนี้คือส่วนของห้องครัว เป็นต้น
  • การตกแต่ง
    การตกแต่งบ้านแบบเปิด อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไร้จินตนาการ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในธีมเดียวกัน จะช่วยทำให้โทนของห้องเป็นไปในทิศทางที่เราต้องการได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์แนวเมทัล สีและความแวววาวของโลหะ คือสิ่งที่สื่อถึงความไฮเทค แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์แนวเรโท พื้นที่บ้านก็จะเต็มไปด้วยสีสันของวันวานที่สดใส
  • หน้าต่างและประตู
    หน้าต่างและประตูอาจไม่จำเป็นสำหรับบ้านแบบเปิด เพราะเราสามารถมองเห็นภายนอกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งที่เหมาะสมจะใช้กับบ้านแบบนี้ เห็นจะมีเพียงผนังกระจกเท่านั้น และเรายังได้ประโยชน์จากการรับแสงธรรมชาติโดยเฉพาะในเวลากลางวัน ที่แทบจะไม่ต้องเปิดไฟกันเลยทีเดียว แต่ผนังกระจกก็อาจจะทำให้ร้อนได้เหมือนกัน ฉะนั้นการเลือกใช้ม่านกันแสง จึงอาจจำเป็นสำหรับบ้านแบบนี้

              ปัจจุบันการตกแต่งบ้านเน้นที่ความโปร่ง โล่ง สบายกันมากขึ้น ใครสนใจการแนวคิดการแต่งบ้านแบบเปิด ก็ลองเอาไปทำตามกันดูได้นะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน