baaninspire-butterfly
Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

น้ำหอมเปิดแล้ว ทำยังไงให้อยู่ได้นาน

                สำหรับใครที่ใช้ น้ำหอม เป็นประจำอยู่แล้ว น่าจะพอรู้ว่าโดยทั่วไปน้ำหอมที่เปิดใช้งานแล้ว จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3-5 ปี จึงจะเสื่อมสภาพ

                ด้วยคุณสมบัติอันดีงามของน้ำหอมที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใครหลายๆ คนได้ และยังมีกลิ่นหอมอันหลากหลายให้ได้เลือกสรรค์ ทั้งยังมีการออกแบบขวดให้สวยงาม น่าสะสม หรือจะมีไว้เพื่อวางโชว์ในบ้าน ก็เก๋ไม่หยอก จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายๆ คนจะมีน้ำหอมสะสมไว้ที่บ้านกันคนละหลายๆ ขวด ซึ่งเวลาใช้แต่ละครั้ง ฉีดแค่นิดเดียวกลิ่นก็อยู่ติดทนเกือบทั้งวันแล้ว โดยเฉพาะแบบ Perfume ทำให้กว่าจะใช้หมดก็เป็นเวลานานเกิน 3-5 ปีแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น เราจะมีวิธีการจัดเก็บที่สามารถช่วยยืดอายุให้ใช้ได้นานขึ้นกว่านี้หรือไม่?

หลีกเลี่ยงแสงแดด ช่วยยืดอายุน้ำหอมได้

               หากวางขวดน้ำหอมไว้ในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ก็จะสามารถเก็บไว้ได้นานเช่นเดียวกับการเก็บไวน์ ซึ่งแสงแดดจะเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำลายคุณภาพของกลิ่นน้ำหอมได้ จึงควรเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือบางคนอาจจะเลือกเก็บไว้ในตู้เย็น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีอุณหภูมิที่เย็น ซึ่งช่วยรักษากลิ่นหอมไว้ได้ดี

             อย่างไรก็ตาม แม้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงที่ร้อนๆ และมีแสงแดด แต่ห้องน้ำก็เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะจะเก็บน้ำหอม เพราะถึงแม้จะเย็น แต่ก็มีความชื้นสูงมาก ซึ่งจะทำให้กลิ่นหอมเสื่อมสภาพลงได้

น้ำหอมชนิดความเข้มข้นสูง จะยิ่งมีอายุยาวนาน

              ยิ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นที่มีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานเท่านั้น เพราะเมื่อเราเปิดขวดเพื่อใช้งาน กลิ่นหอมก็จะค่อยๆ ระเหยออกมาเรื่อยๆ หากความเข้มข้นของกลิ่นเบาบาง ก็จะระเหยจนหมดในเวลาไม่นาน โดยขนาดความเข้มข้นที่แนะนำให้ซื้อมาใช้ก็คือแบบ Parfume และ Eau de Parfum ซึ่งมีความเข้มข้นสูง สามารถใช้งานได้นาน

ตรวจสอบกลิ่นน้ำหอมที่มีอายุเกิน 5 ปี ว่าหมดอายุจริงหรือไม่

           แม้ว่าจะซื้อน้ำหอมมานานเกิน 5 ปีแล้ว ก็ยังไม่ควรโยนทิ้งทันที แต่ให้ตรวจสอบสภาพของขวดและกลิ่นดูก่อน หากไม่มีอะไรผิดปกติ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้ยาวๆ

             นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ดูส่วนผสมที่ข้างขวดด้วย หากมีส่วนผสมเป็นพวกผลไม้ตระกูลส้ม หรือตระกูลซิตรัส ก็มีแนวโน้มว่าจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าชนิดอื่น เพราะสามารถระเหยได้ไว แตกต่างจากพวกกลิ่นเปลือกไม้ และหากผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติล้วน ที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ก็ยิ่งทำให้กลิ่นหอมเสื่อมสภาพลงไวกว่าแบบอื่น

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านสวยหรูเลียนแบบซุปตาร์

               หลายๆ คนคงมีไอดอลหรือซุปตาร์ในดวงใจกันบ้างไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าบางคนอาจชื่นชอบพวกเค้ามากๆ ถึงขั้นอยากมีไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตแบบดาราในดวงใจกันเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำสไตล์การแต่งบ้านให้สวยหรูแบบซุปตาร์มาฝาก ลองมาดูซิว่าเหล่าซุปตาร์คนดังๆ เค้ามักจะแต่งบ้านกันแบบไหน

  1. เน้นความโอ่อ่า
    เราสามารถมีบ้านสวยหรูแบบซุปตาร์ได้ง่ายๆ ด้วยการออกแบบบ้านให้มีดีไซน์ที่โอ่อ่า มีโถงกว้างๆ ดูโปร่งสบาย โดยอาจตกแต่งบ้านให้มีเพดานสูงโปร่ง หรือการเลือกใช้ผนังกระจกใสขนาดใหญ่เป็นพิเศษ พร้อมตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผ้าม่านยาว ก็สามารถทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูหรูหราระดับซุปตาร์ขึ้นมาได้แล้ว
  • เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรู
    สิ่งหนึ่งที่สามารถเพิ่มความหรูหราให้กับบ้านตามแบบฉบับซุปตาร์ได้อย่างง่ายดายก็คือ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหรา เช่น ตกแต่งมุมห้องนั่งเล่นด้วยโซฟานุ่มๆ ที่มาพร้อมดีไซน์ยาวแบบคลาสสิก ก็จะสามารถเพิ่มความหรูหราให้บ้านดูสวยโดดเด่นแบบสุดๆ
  • ตกแต่งด้วยพรมขนนุ่ม
    ไม่เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรูหรา ที่สามารถช่วยเพิ่มความคลาสสิกอย่างมีระดับให้กับพื้นที่ภายในบ้านได้เท่านั้น แต่การตกแต่งด้วยพรมขนนุ่มตามห้องต่างๆ อย่างห้องรับแขก หรือห้องนอน ก็ยังมีส่วนช่วยทำให้บ้านดูหรูหรามีระดับได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  • ตู้โชว์ หรือชั้นวางขนาดใหญ่
    นอกจากโซฟาสวยๆ แล้ว การตกแต่งบ้านด้วยตู้โชว์ หรือชั้นวางขนาดใหญ่พิเศษ ก็ยังสามารถสร้างความโอ่อ่าหรูหราอลังการให้บ้านดูเป็นบ้านสวยสไตล์ซุปตาร์ได้ไม่ยาก
  • ประดับกระจกแวววาว
    อีกหนึ่งของตกแต่งที่สามารถเพิ่มความพิเศษให้กับพื้นที่ภายในบ้านของเราได้ก็คือ การประดับบ้านด้วยกระจกเงาดีไซน์สวยคลาสสิกตามมุมต่างๆ ของบ้าน เพราะกระจกเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแวววาวให้บ้านดูมีมิติและหรูหรามากยิ่งขึ้น
  • ของแต่งบ้านสร้างบรรยากาศ
    นอกจากของตกแต่งชิ้นใหญ่ๆ แล้ว ก็ต้องลืมใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ด้วยการนำของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาสร้างบรรยากาศภายในบ้าน ให้มีความน่าอยู่และดูหรูหรามากขึ้นได้อีกด้วย
  • แชนเดอร์เลียร์คริสตัล
    และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยหากต้องการแต่งบ้านแบบซุปตาร์นั่นก็คือ การตกแต่งด้วยแชนเดอร์เลียร์ประดับคริสตัลที่มีความแวววาววิบวับ บ่งบอกความมีระดับสุดๆ

               ใครอยากลองใช้ชีวิตเลียนแบบซุปตาร์ ด้วยการจำลองรูปแบบของที่อยู่อาศัยให้คล้ายๆ กับบ้านของพวกเขาดูบ้าง ก็อย่าลืมนำเทคนิคการแต่งบ้านตามที่ได้แนะนำทั้งหมดนี้ ไปใช้กันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านให้น่าอยู่ อบอุ่น เป็นกันเอง ตามสไตล์โฮมมี่

                 เหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานประจำตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์แล้ว พอถึงวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดพักผ่อน หลายคนก็คงอยากจะหลบหลีกความวุ่นวายของบรรยากาศในเมือง ออกมาอยู่ในบรรยากาศสบายๆ กันบ้าง ซึ่งเราสามารถทำให้บ้านของเราเองมีบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในแบบที่ว่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน วันนี้เรามีไอเดียการตกแต่งบ้านที่เรียกว่า สไตล์โฮมมี่ มาแนะนำ จะมีวิธีการตกแต่งอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันเลย

สวนสวยในบรรยากาศอบอุ่น
ในวันหยุดสบายๆ ใครๆ ก็คงอยากจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนนอกบ้านชิลล์ๆ ลองเลือกวัสดุประเภทไม้มาเป็นองค์ประกอบหลัก แล้วปรับสวนให้มีบรรยากาศอบอุ่น สะท้อนอารมณ์บ้านๆ โดยการนำวัสดุที่สื่อถึงความเป็นพื้นบ้านอย่างลำไม้ไผ่ มาทำเป็นฝ้าเพดาน แล้วประดับเพิ่มเติมด้วยงานหัตถกรรม และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์เรียบง่าย เสริมอารมณ์ธรรมชาติเข้าไปด้วยต้นไม้กระถาง เท่านี้ก็เป็นมุมพักผ่อนแบบกันเองท่ามกลางธรรมชาติแล้ว

ตกแต่งบริเวณหน้าประตูบ้านให้น่ามอง
ลองมาเปลี่ยนมุมเล็กๆ อย่างประตูหน้าบ้านที่หลายคนมักมองข้ามให้อบอุ่นมากขึ้น ด้วยการใช้กระจกโปร่งๆ เป็นตัวช่วย เน้นการเปิดโล่งด้วยกระจกใสเพื่อรับแสงจากธรรมชาติให้มากที่สุด คู่กับประตูบานไม้ ที่นอกจากจะทำให้ดูทันสมัยขึ้นและอบอุ่นมากๆ แล้ว การตกแต่งด้วยกระจกยังช่วยเพิ่มความสว่างให้กับภายในตัวบ้านได้อีกด้วย

เจือกลิ่นอายชนบท
แม้บ้านจะอยู่ติดถนนกลางเมือง แต่ก็สร้างบรรยากาศอบอุ่นแบบโฮมมี่ได้ ด้วยการตกแต่งภายในโดยเน้นโทนสีไม้ เข้ากันดีกับผนังกระจกโปร่ง และมีการนำไม้มากรุผนังในบางส่วน วางโต๊ะเก้าอี้เรียบง่ายเป็นมุมสบายๆ ข้างหน้าต่าง เพิ่มเติมด้วยการประดับดอกไม้แห้ง โคมไฟตะเกียง ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นให้กับบ้านได้ดีเช่นกัน

ห้องนั่งเล่นแสนสบาย
มุมนั่งเล่นเป็นมุมที่คนในบ้านใช้งานกันบ่อยที่สุด ทั้งนั่งเล่น ดูทีวี กินของว่าง รวมทั้งใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน จึงควรเน้นตกแต่งห้องนั่งเล่นให้ดูสบายตา เช่น โทนสีขาว เขียว และสีไม้ธรรมชาติ ในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ที่เข้ากันทั้งยุคสมัยและดีไซน์ รวมทั้งงานสาน งานหวาย และผ้าทอ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระถางต้นไม้ หรือตะกร้าใส่ของ จับวางรวมกันแล้วดูกลมกลืนสุดๆ

             ขอแค่รู้จักการเลือกสไตล์การตกแต่งได้ดี เราก็จะสามารถทำให้บ้านดูอบอุ่น น่าพักผ่อนได้หมด ไม่ว่าบ้านจะเป็นแบบไหน มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเดิมที่แสนจะธรรมดาให้น่าอยู่ตามสไตล์โฮมมี่ ที่ทั้งผ่อนคลาย อยู่สบาย และมีความสุขในทุกๆ วันกันเถอะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ

             ห้องนอน นับเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลากับมันมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน เพราะต้องใช้นอนทุกวัน ฉะนั้นการมีห้องนอนที่สวยงามน่านอน ย่อมดีกว่าห้องนอนเน่าๆ โทรมๆ เป็นไหนๆ แต่ใครก็รู้ดีว่า การจะตกแต่งห้องให้สวยงามน่านอนได้นั้น จะต้องใช้งบประมาณไม่น้อยเลย จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหยิบเอาข้าวของง่ายๆ ใกล้ตัว มาเป็นไอเท็มเสริม

ช่วยแต่งเติมให้ห้องนอนแสนรักมีบรรยากาศน่านอนยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองงบประมาณมากมาย นอกจากนี้ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้เป็นเจ้าของห้องได้ดีอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียตกแต่งห้องนอนอยู่ วันนี้เรามีไอเดียแต่งห้องนอนแบบประหงัดงบมาแนะนำ

เตียงนอนจากไม้พาเลท
ไอเดียนี้นับว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างมาก คือการนำลังใส่สินค้าหรือไม้พาเลทเหลือใช้ มาวางเป็นแท่นสำหรับเตียงนอนแบบเรียบง่ายโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นำมาวางต่อกันก็กลายเป็นเตียงดีไซน์สุดชิคได้แล้ว ส่วนบริเวณหัวเตียงก็สามารถนำลังไม้เก่ามาดัดแปลงเป็นชั้นวางของแนวๆ ได้อีกด้วย รับรองว่าเก๋ไม่ซ้ำใครแน่นอน

เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นและเรียบง่าย
เมื่อต้องการจะตกแต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ ก็ควรตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เท่าที่จำเป็น แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ครบครัน อย่างเช่นการวางฟูกนอนกับพื้น ส่วนบริเวณผนังหัวเตียงทำเป็นขอบยื่นออกมา สำหรับใช้วางของใช้และของตั้งโชว์ เพิ่มเติมด้วยการเลือกชั้นไม้ราคาประหยัดมาใช้เป็นโต๊ะข้างเตียง เท่านี้ก็ช่วยให้บรรยากาศในห้องนอนดูสวยแบบเรียบง่าย เป็นกันเอง แถมยังน่านอนสุดๆ แล้ว

ตะแกรงเหล็กหัวเตียง
หากห้องนอนของใครรู้สึกว่าพื้นที่บริเวณหัวเตียงดูโล่งเกินไป ลองมาเพิ่มความโดดเด่นด้วยตะแกรงเหล็กในลุคอินดัสเทรียลกันสักหน่อยดีกว่า โดยการนำตะแกรงเหล็กมายึดกับผนังด้านหัวเตียง จากนั้นก็นำแผ่นไม้เหลือใช้มาติดไว้ในบางช่อง เพื่อเป็นการสร้างลูกเล่นให้ห้องนอนมีมิติ ไม่น่าเบื่อ

หมอนอิงสวยๆ ช่วยได้
อีกหนึ่งวิธีสุดง่าย และเรียกได้ว่าประหยัดงบในกระเป๋าได้มากที่สุด นั่นก็คือการเลือกหมอนอิงเก๋ๆ มาใช้ในการตกแต่งให้ห้องนอนจืดๆ ดูมีสีสันขึ้นได้แบบทันตา หรืออาจเลือกใช้เป็นหมอนดีไซน์แปลกๆ ก็ได้ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันได้เลย

                 ใครที่รู้สึกว่าตัวเองงบน้อย แต่อยากตกแต่งห้องนอนให้สวยแปลกตา และน่านอนในแบบที่ไม่เหมือนใคร ในราคาที่สามารถจ่ายได้แบบสบายกระเป๋า ก็อย่าลืมนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้กับห้องนอนของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียแต่งบ้านแบบแหกกฏ

                ศาสตร์แต่ละแขนงล้วนมีกฏไว้ให้ปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่เสมอไปสำหรับไอเดียแต่งบ้าน เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำตามทฤษฎีก็ได้ เนื่องจากเรื่องความสวยความงาม คงไม่มีทฤษฎีไหนมาอธิบายได้แบบตายตัว หากเราไม่ทำตามจึงไม่ถือว่าผิด และอาจสร้างความแปลกใหม่ให้บ้านของเราได้ด้วย ลองมาดูไอเดียการตกแต่งต่อไปนี้ ที่แม้ไม่ทำตามกฏ ก็สามารถทำให้บ้านดูสนุกและสวยงามแบบไม่ซ้ำใครได้

  1. ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แบบเดียวกันทั้งห้องก็สวยได้
    การใช้ไม้แบบเดียวกันสีเดียวกันทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นงานบิลท์อิน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว พื้น และเพดาน แม้มันจะทำให้ภาพรวมดูสวยน่าอยู่ แต่ก็ทำให้ห้องดูคับแคบและอึดอัด เทคนิคการตกแต่งที่อยากแนะนำคือ การเลือกสีของไม้ให้ต่างกัน แต่ควรมีความกลมกลืนกัน เช่น งานบิลท์อินใช้ไม้สีโทนเหลือง เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวใช้ไม้โอ๊ก ส่วนพื้นก็อาจจะใช้ไม้เมเปิ้ล เป็นต้น
  • เฟอร์นิเจอร์ไม่เข้าชุดกันก็ดูดีได้
    เฟอร์นิเจอร์แบบเข้าชุด ได้รับอิทธิพลมาจากงานตกแต่งสไตล์คลาสสิกของยุโรป ซึ่งให้อารมณ์ความหรูหรา เป็นทางการ แต่คงไม่เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการความรู้สึกผ่อนคลาย เราสามารถจับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นมาแยกกัน เช่น เลือกโซฟาที่มีลวดลาย มาวางสลับกับเก้าอี้คนละสไตล์ ก็จะช่วยทำให้ห้องดูสวยเก๋ และสร้างเสน่ห์ได้อีกมาก
  • สีดำ ใครว่าไม่น่าใช้
    สีดำเป็นสีที่ดูเรียบเท่ แต่มักจะถูกห้ามนำมาใช้กับผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้ห้องดูทึบ ร้อน และถ้าเกิดรอยเปื้อนจะเห็นชัด อย่างไรก็ตามหากเราใช้สีนี้เป็น ก็จะทำให้ห้องดูเท่ไม่ซ้ำใคร ลองจับคู่สีดำกับสีอื่น เช่น แดง หรือใช้ลวดลายสวยๆ มาเป็นองค์ประกอบร่วม ก็จะทำให้ห้องสีดำยิ่งดูเท่และน่าค้นหามากๆ
  • แชนเดอเลียร์ไม่ต้องใหญ่อลังการก็สวยเวอร์ได้

ขนาดและสไตล์ของแชนเดอเลียร์ มีผลต่อภาพรวมของห้อง จึงควรเลือกขนาดของแชนเดอเลียร์ให้พอเหมาะกับความสูงและขนาดของห้อง หากใช้บริเวณโถงกลางของบ้าน ระดับจากพื้นถึงแชนเดอเลียร์ประมาณ 2 เมตร นับว่ากำลังดี ส่วนบนโต๊ะอาหาร ควรใช้ดวงที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสามของความกว้างของโต๊ะ และสูงจากท็อปโต๊ะประมาณ 90 เซนติเมตร สำหรับเรื่องสไตล์ หากบ้านตกแต่งในสไตล์คลาสสิก ไม่จำเป็นต้องเลือกโคมไฟระย้าแบบคลาสสิกก็ได้ ลองเลือกที่เป็นสไตล์คอนเทมโพรารี ซึ่งมีรายละเอียดไม่มาก ไม่ดูอลังการ แต่ก็ทำให้ห้องดูเก๋ และมีสไตล์เป็นของตัวเองได้

             ใครที่เป็นนักแหกกฏอยู่แล้ว ลองนำตัวอย่างการตกแต่งบ้านทั้งหมดนี้ ไปทำตามกันดูได้นะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com 

FB : คนรักบ้าน 

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียของแต่งบ้านจาก “สปริงที่นอน”

                ใครมีที่นอนเก่า ที่ใช้งานมานานจนสปริงเริ่มเสื่อม นอนๆ ไปมันชักจะไม่เด้งดึ๋งเหมือนเดิมแล้ว หรือจะพูดว่าเริ่มหมดสภาพการใช้งานก็ว่าได้ จะทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดาย เพราะซื้อมาก็ตั้งแพง วันนี้เราเลยมีไอเดียเปลี่ยนสปริงใต้ที่นอนเก่า ให้กลายเป็นของแต่งบ้านชิ้นใหม่ ที่เห็นแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่า ของเหล่านี้ทำจากมาจากสปริงใต้ที่นอนเก่าๆ ของเรานี่เอง จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย

แชนเดอเลียเอาท์ดอร์หรูๆ          

เมื่อเลิกใช้ที่นอนเก่าแล้ว เราสามารถถอดสปริงใต้ที่นอนมาทำอะไรได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการนำมาตกแต่งไฟเพื่อทำเป็นแชนเดอเลียบริเวณพื้นที่เอาท์ดอร์ โดยอาจนำเถาองุ่นเทียม และไฟกระพริบมาประดับเพิ่มความโรแมนติกด้วยก็ได้ เมื่อเปิดไฟ แชนเดอเลียช่อนี้ก็จะเปล่งแสงวิบวับ สวยงามน่ามองเป็นที่สุด

ที่ปลูกต้นไม้เท่ๆ
ของเก่าทุกชิ้นถ้าเรายังเห็นคุณค่า ก็สามารถที่จะทำมันให้กลับมามีชีวิตขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสปริงใต้ที่นอนของเรา เพียงแค่นำมันมาทาสีให้สวยตามใจชอบ จากนั้นก็นำกระถางต้นไม้เล็กๆ ไปใส่ไว้ตามช่องต่างๆ ของสปริง หรือจะปลูกต้นไม้โดยใช้กาบมะพร้าวหุ้มต้นไม้ แล้วจับเสียบลงไปในแต่ละช่องของขดสปริงเลยก็ได้

ที่เก็บขวดไวน์เก๋ๆ

ด้วยรูปทรงและขนาดของขดสปริงใต้ที่นอน ที่เป็นรูปแบบที่เหมาะสม และขนาดกำลังดีสำหรับการวางขวดเครื่องดื่ม จึงเหมาะที่จะทำเป็นที่เก็บขวดไวน์มากที่สุด เพียงแค่เราถอดสปริง และนำมาติดกับไม้เก่าเคลือบแลคเกอร์ เท่านี้ก็จะได้ที่เก็บขวดไวน์ติดผนังเก๋ๆ แล้ว

ที่เสียบจดหมายชิคๆ

นอกจากนี้ ด้วยรูปทรงของขดสปริงดังกล่าว เรายังสามารถนำมาดัดแปลง ทำเป็นที่เสียบซองจดหมาย นามบัตร หรือการ์ดใบเล็กๆ แล้วนำมาตั้งประดับไว้บนโต๊ะทำงานได้ด้วยเช่นกัน

ที่วางดอกไม้คูลๆ

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ เรายังสามารถสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงสไตล์อบอุ่น ด้วยการประดับช่อดอกไม้เล็กๆ บนโต๊ะอาหาร และนำขดสปริงจากที่นอนเก่า มาทำเป็นที่วางดอกไม้ได้เหล่านี้ได้ นอกจากช่วยให้ประหยัดแล้ว ยังสวยงามน่ามองไม่แพ้แจกันแพงๆ ด้วยนะ

              ทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงไอเดียบางส่วนเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วเรายังสามารถนำขดสปริงจากที่นอนเก่ามาใช้ทำประโยชน์ได้อีกมากมาย คราวหน้าคราวหลังก่อนจะทิ้งที่นอนเก่า ก็อย่าลืมแกะเอาขดลวดสปริงออกมาก่อนล่ะ จะได้ไม่ต้องทิ้งไปให้เสียของ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ตกแต่งบ้านให้มีมิติ ด้วยไม้ระแนง

                 หากพูดถึง ไม้ระแนง หลายคนมักนึกถึงบ้านยุคเก่า ที่นิยมติดตั้งระแนงในส่วนของช่องลมห้องครัว เพื่อระบายกลิ่นและควัน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้เห็นการแต่งบ้านด้วยระแนงในส่วนอื่นๆ กันมากขึ้น ทั้งยังถูกนำมาประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม้ระแนงมีเอกลักษณ์บางอย่าง ที่สร้างสุนทรียภาพให้กับบ้านได้ พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • รั้วบ้าน
    รั้วบ้านเป็นส่วนบ่งบอกขอบเขต และสร้างความปลอดภัยให้บริเวณบ้าน เราสามารถหยิบไม้ระแนงมาประยุกต์ใช้กับงานรั้วได้ดี เพราะมีความโปร่ง รับแสง รับลม และสร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เพื่อนบ้านมองเข้ามาเห็นภายในบ้านได้มากเกินไป ทั้งยังทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง ส่วนการวางระยะห่างของไม้แต่ละชิ้น ก็สามารถเลือกได้ตาต้องการ ซึ่งหากตีระยะห่างจะเปิดบ้านให้ดูโปร่งโล่งกว่าการตีชิด

รูปที่ 2

  • หลังคาโรงรถ / หลังคาระเบียง
    หลังคาโรงรถ และหลังคาระเบียงบ้าน ควรเป็นส่วนที่มีความปลอดโปร่ง ไม่ทึบเกินไป ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้ไม้ระแนงคู่กับกระจกกันแสง หรือแผ่นโปร่งแสงที่ช่วยกันร้อน แต่ยังรับแสงจากธรรมชาติได้ ทำให้พื้นที่ภายใต้หลังคาไม่มืดทึบหรืออึดอัด สำหรับหลังคาระเบียง อาจทำเป็นซุ้มระแนงปลูกไม้เลื้อย เป็นการเพิ่มความสดชื่นไปในเวลาเดียวกันได้
  • ที่บังแดด 
    ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน คงจะดีหากเราศึกษาเรื่องทิศทางของแสงและลม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ทั้งเรื่องช่องทางระบายอากาศ หรือการติดตั้งระแนงบังแดดในด้านที่ต้องรับแสงมากกว่าทิศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดได้ในระยะยาว ทั้งช่วยลดความร้อนอบอ้าว และการประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
  • พาร์ทิชันกั้นห้อง
    บางมุมของบ้านที่ต้องการแบ่งสรรสัดส่วนการใช้งานออกจากกัน แต่ยังต้องการให้สามารถมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ไม่ถูกตัดขาดเหมือนการกั้นด้วยผนังก่อทึบ เช่น ห้องรับแขกกับห้องครัว หรือ ห้องนอนกับโซนแต่งตัว การใช้พาร์ทิชันไม้ระแนง นับเป็นหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ได้ดี และทำให้บ้านไม่ดูแคบลงด้วย

              สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุไม้ ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ทำระแนง ไม่ได้มีเฉพาะที่ทำจากไม้จริงเท่านั้น ยังมีวัสดุสังเคราะห์ อย่างพวกไฟเบอร์ซีเมนต์ ไวนิล และพลาสติกผสมใยไม้ เพื่อรองรับกับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย และทนทาน ทั้งยังสามารถใช้งานภายนอกได้ดีกว่าไม้จริง ในราคาที่ถูกกว่า และไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยากอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

องค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่

                การจะจัดและตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่อาศัยได้นั้น จะต้องจัดองค์ประกอบทุกส่วนของบ้านทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งบริเวณบ้าน ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมตามสภาพของบ้าน และประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงงบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งองค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงาม มีดังต่อไปนี้

  1. ความเป็นสัดส่วน
    ความสมดุลของการตกแต่งบ้าน ขึ้นอยู่กับการจัดของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ ให้คงความเป็นสัดส่วนกับเนื้อที่ของบ้าน โดยจำเป็นต้องกำหนดโซนของพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม เช่น ส่วนไหนเป็นจุดรับแขก ส่วนไหนเป็นมุมส่วนตัว ซึ่งหากไม่มีความเป็นสัดส่วน บ้านก็จะไม่น่าอยู่ และการตกแต่งบ้านให้เป็นสัดส่วน จะช่วยให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น เป็นระเบียบ และยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
  • แสงและสี
    ความสำคัญของแสงและสี จะช่วยให้การตกแต่งบ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดย แสง หมายถึงการควมคุมแสงสว่างภายในบ้านให้เหมาะสม ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน การวางจุดของหน้าต่าง การเลือกรับแสงยามเช้าหรือบ่ายจากดวงอาทิตย์ เช่น การใช้ม่านปรับแสง ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับบ้าน ส่วน สี มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก เช่น กลุ่มสีโทนร้อน และกลุ่มสีโทนเย็น จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน นอกจากนี้ สียังบ่งบอกถึงยุคสมัยของการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
  • ประเภทวัสดุ
    ในปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งบ้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ การจะเลือกวัสดุใดมาใช้งาน จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการตกแต่งบ้าน ซึ่งควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามรูปแบบของการตกแต่งโดยรวม เช่น หากโต๊ะเป็นไม้ ก็ไม่ควรใช้เก้าอี้เป็นพลาสติก เพราะจะทำให้ดูไม่เข้ากัน
  • สร้างจุดสนใจ
    ในการตกแต่งบ้าน ควรต้องมีการสร้างจุดสนใจ โดยอาจนำสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้านมาใช้ในการตกแต่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ของรักของหวง ของหายาก หรือรางวัลที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะพบเห็นได้ทั่วไป อย่างตู้โชว์ของสะสมต่างๆ หรือแม้กระทั่งของตกแต่งแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นตาคนทั่วไป สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถนำมาสร้างเป็นจุดสนใจได้ทั้งสิ้น

              ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงองค์ประกอบเบื้องต้นที่จะทำให้การตกแต่งบ้านดูสวยงามน่าอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่แตกต่างออกไปตามรูปแบบบ้าน รวมทั้งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมและกาลเวลาด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เรื่องพลาดๆ ของการตกแต่งไฟในบ้าน

               หลายคนมักทำผิดพลาด เกี่ยวกับการตกแต่งแสงไฟในบ้าน เพราะเรื่องของไฟไม่ใช่แค่ให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดบรรยากาศในบ้านด้วย เรียกว่าถ้าอยากให้บ้านออกมาลุคไหน ก็ใช้ไฟเป็นตัวกำหนดได้เลย วันนี้เราได้รวบรวม ข้อผิดพลาดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องไฟในบ้านมาให้ดูกัน ลองไปเช็กกันดีกว่าว่าเราพลาดตรงไหนกันบ้าง จะได้แก้ไขทัน

  1. เน้นแสงไฟจากแหล่งเดียว         

แสงที่ดีควรต้องมีความหลากหลาย ดังนั้นอย่ายึดติดกับแสงแค่แหล่งเดียว เช่น ไฟเพดาน แต่ให้ผสมผสานความแตกต่างของแสงหลายๆ แหล่ง ทั้งจากเพดาน จากพื้น โคมไฟบนโต๊ะ และโคมไฟข้างเตียง เป็นต้น ซึ่งแสงที่สว่างลดหลั่นกันเหล่านี้ จะสร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

  • ไม่คำนึงถึงเรื่องวัตต์         

อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินความสว่างที่ต้องการในบ้าน แต่ควรใช้ความรู้เรื่องวัตต์เป็นตัวตัดสิน เช่น มุมที่ใช้อ่านหนังสือจะต้องการความสว่าง 75-100 วัตต์ ส่วนไฟเพดานห้องน้ำควรจะอยู่ที่ 75 วัตต์ เป็นต้น

  • ใช้แสงไฟสว่างจ้าเกินไป         

อย่าใช้ไฟที่สาดแสงแรงจนเกินไป เพราะจะให้ความรู้สึกกำลังถูกจับจ้องอยู่บนเวที ไม่ว่าจะห้องไหนๆ ในบ้าน เพราะแสงไฟไม่ควรทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือกังวล เหมือนกับกำลังอยู่บนเวทีอะไรซักอย่าง

  • ใช้ไฟเยอะเกินไป          

ควรใช้ไฟเท่าที่จำเป็น เพราะการติดตั้งไฟมากเกินไป อาจทำให้บรรยากาศในบ้านดูเหมือนงานวัด นอกจากนี้ควรเลือกชนิดของไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เช่น ห้องน้ำอาจต้องใช้ไฟเพดาน แต่หากติดไฟเพดานในห้องนั่งเล่น อาจทำให้บรรยากาศดูไร้มิติได้ 

  • ติดสวิตช์ไฟไว้ผิดที่         

สวิตช์ไฟก็ควรจะอยู่ใกล้กับประตูเข้า-ออกเท่านั้น โดยอย่าลืมคำนึงถึงความสูง หรือตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย โดยต้องพิจารณาร่วมกับเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของประดับบนผนังด้วย

  • ใช้แสงไฟแบบปรับความสว่างไม่ได้         

แสงไฟคือตัวสร้างบรรยากาศในบ้าน ดังนั้นควรติดตั้งไฟแบบที่ปรับความสว่างได้ เวลาต้องการความผ่อนคลายจะได้หรี่ไฟให้แสงนุ่มนวล แต่หากต้องการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสง ก็จะได้เร่งความสว่างได้ง่ายๆ

  • ไม่ติดไฟในตู้เสื้อผ้า
    นอกจากการติดไฟในห้องต่างๆ ภายในบ้านแล้ว ในตู้เสื้อผ้าก็ต้องการไฟเช่นกัน ดังนั้นอย่าละเลยที่จะติดไฟในตู้เสื้อผ้าด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในยามที่ต้องการจับคู่สีเสื้อผ้า หรือรื้อหาถุงเท้าที่สีดูคล้ายกันไปหมด

              อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่เผลอทำข้อไหนผิดพลาดไปบ้าง ก็อย่าลืมแก้ไขให้ถูกต้องกันนะ เพื่อบ้านที่สวยดูดี จะได้อยู่กับเราไปอีกนานๆ ยังไงล่ะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style) เป็นสไตล์ที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก เพราะมีกำเนิดมาจากมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรูปแบบของการตกแต่งบ้านหรือร้านค้า ให้ดูดิบๆ คล้ายกับโรงงาน โชว์ความงามของวัสดุ และโครงสร้างชัดเจน ตกแต่งออกมาคล้ายยังไม่เสร็จ เช่น ฉาบผนังแบบไม่เต็ม ผนังสีเก่าๆ คานปูนเดิมๆ อิฐแดงที่มีรอยแตก หรือไม่มีการฉาบ เป็นต้น

มีข้อสงสัยกันมากว่า การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลนั้น แตกต่างกับสไตล์ลอฟท์อย่างไร คำตอบคือ ความแตกต่างอยู่ที่ “ความดิบและเก่า” โดยสไตล์ลอฟท์จะเน้นส่วนประกอบของเหล็กและปูนเปลือย แต่ยังคงมีความใหม่ของงาน ส่วนสไตล์อินดัสเทรียลนั้น จะมีความเก่าของงานตกแต่งมากกว่า และส่วนของเหล็กจะน้อยลง แต่จะถูกแทนที่ด้วยผนังปูนเก่าเข้ามา ทำให้มีพื้นที่ที่มากขึ้น ส่วนใครที่ยังนึกไม่ออกว่าการตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลมีหน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้เรามีตัวอย่างมาให้ชมกัน

ตัวอย่างแรก เป็นการตกแต่งห้องพักผ่อนที่เน้นเพดานสูงโปร่งสไตล์โรงงาน ที่มาพร้อมกับผนังอิฐเปลือยและระบบไฟฟ้าแบบลอฟท์ โดดเด่นด้วยชุดโซฟาแบบหนังสีน้ำตาลมันเงา และโต๊ะไม้ฐานเหล็ก เป็นการตกแต่งที่ดูเข้ากันดีและลงตัวเป็นอย่างมากสำหรับการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล

ตัวอย่างที่สอง เป็นการออกแบบให้ห้องมีความเก่าแบบโรงงาน ผนังตกแต่งด้วยหินแกรนิต ผสมกันกับบันไดเหล็ก เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวสไตล์โรงงาน และโซฟาแบบเตี้ย ทำให้ห้องนี้ดูสวยงามและได้กลิ่นอายของอินดัสเทรียลอย่างแท้จริง

ตัวอย่างที่สาม เป็นการตกแต่งด้วยผนังอิฐแดงทาสีขาวแบบไม่ตั้งใจ และพื้นปูนเปลือยขัดมัน บวกกับฐานเตียงนอนที่ประยุกต์มาจากไม้ลัง เป็นการตกแต่งที่เน้นความดิบแบบ 100% ทำให้สไตล์นี้ดูสวยและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง

และตัวอย่างสุดท้าย เป็นการตกแต่งที่นำชุดของเฟอร์นิเจอร์เหล็กมาตกแต่งร่วมด้วย ทำให้การตกแต่งในสไตล์นี้ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าการตกแต่งทั่วไปจะแสดงให้เห็นถึงสไตล์ได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่หากเรานำชุดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์นี้ผสมเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้การตกแต่งดูเพอร์เฟกต์


เป็นอย่างไรกันบ้าง กับตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล ซึ่งมีความดิบความเก่า แต่แฝงไปด้วยไอเดียคลาสสิก สามารถทำให้บ้านได้อารมณ์ที่เก๋ไปอีกแบบ สไตล์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเคียงคู่มากับสไตล์ลอฟท์เลยทีเดียว

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

‘อิเคล็คติก’ เทรนด์ใหม่ของการตกแต่งบ้าน

ทุกวันนี้มีเทรนด์การตกแต่งบ้านใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ สไตล์การตกแต่งบ้านก็ยิ่งมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่สไตล์โมเดิร์น คลาสสิก วินเทจ ทุกวันนี้ยังมีสไตล์ที่มีความเฉพาะตัวลงไปอีก เช่น สไตล์มินิมอล ทรอปิคอล แต่ถ้าชอบไปหลายสไตล์รวมกัน เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงและตอบโจทย์คนที่ชอบไปหมดทุกอย่าง คือ สไตล์แต่งบ้านแบบ “อิเคล็คติก” (Eclectic)

การแต่งบ้านสไตล์ อิเคล็คติก พัฒนามาจากสไตล์งานทัศนศิลป์และสถาปัตยกรรม โดยนำสไตล์ที่มีที่มาแตกต่างมารวมเข้าไว้ด้วยกัน แม้จะไม่ใช่สไตล์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง แต่จากการ Mix องค์ประกอบของศิลปะหลากสไตล์เข้าไว้อย่างลงตัวก็มีเสน่ห์ไม่แพ้สไตล์อื่นๆ เช่นกัน

เทคนิคแต่งบ้านสไตล์อิเคล็คติก

สไตล์อิเคล็คติกนั้น ไม่ใช่เพียงการเลือกของที่ชอบ มาจัดวางรวมๆ กัน แต่ควรมีหลักการและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความงามที่ลงตัว ดังต่อไปนี้

  • วาง Layout ให้ชัดเจน
    สไตล์อิเคล็คติก เป็นสไตล์ที่เสี่ยงต่อการตกแต่งออกมาแล้วรก หรือล้นเกิน และดูไม่รู้เรื่อง การวาง Layout ห้องให้ชัดเจน จะช่วยทำให้ห้องดูเรียบร้อยขึ้นได้ นอกจากนี้ผนังสีเรียบหรือสีพื้นจะช่วยให้การตกแต่งห้องสไตล์อิเคล็คติกง่ายขึ้น เพราะเป็นเหมือนแคนวาสให้เราระบายลวยลายและสีสันลงไปได้
  • ของตกแต่งหลากยุคหลายสไตล์
    คนที่อยากตกแต่งบ้านด้วยสไตล์อิเคล็คติกมักจะเป็นนักสะสมตัวยง ไม่ว่าจะเป็นแจกันโบราณ เครื่องจักสานจากชาวบ้าน หรือเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ จากต่างประเทศ จึงทำให้มีของสะสมมากมาย และอยากนำสิ่งเหล่านี้มาตกแต่งบ้าน ซึ่งเสน่ห์ของสไตล์อิเคล็คติก คือความหลากหลายที่ไม่ใช่แค่สิ่งของ เทคนิคที่จะแต่งบ้านสไตล์นี้ให้มีระดับ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงควรใช้ของตกแต่งจากหลายยุคและหลายสไตล์เข้ามาไว้ด้วยกัน เช่น เตียงนอนโบราณ พรมเปอร์เซีย โคมไฟโมเดิร์น และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ดูเรียบหรู เป็นต้น
  • หาสิ่งดึงดูดสายตา
    การแต่งห้องในสไตล์อิเคล็คติก เปรียบเหมือนการจัดองค์ประกอบของจิตกร เราสามารถสร้างความสนใจและเรื่องราวให้กับห้องแต่ละห้องด้วยสิ่งของที่สามารถดึงสายตาให้หันมอง ซึ่งอาจเป็นตู้เก่าโบราณ ภาพวาดของศิลปิน งานปฏิมากรรมสักชิ้น หรือจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูดีและโดดเด่นออกมาจากบรรยากาศห้องก็ได้

  • ใส่ความเป็นตัวเองลงไป
    สไตล์อิเคล็คติก จริงๆ แล้วเกิดจากความชื่นชอบในศิลปะสไตล์ต่างๆ ชอบสิ่งไหน สนใจสิ่งไหน ก็นำมาใช้สร้างสรรค์เป็นผลงานของตัวเราเอง ฉะนั้นจึงควรปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมาให้เต็มที่ เพื่อตกแต่งบ้านสไตล์อิเคล็คติกในแบบที่เป็นเรา

บ้านก็เป็นเหมือนผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งของเจ้าของ การตกแต่งบ้านจึงไม่มีถูกผิด ขอเพียงเราสนุกไปกับมัน และจงภูมิใจกับผลงาน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

Rustic Home

บ้านสไตล์ชนบทอันแสนอบอุ่น

การแต่งบ้าน สไตล์รัสติก (Rustic) เหมาะกับคนที่อยากให้บ้านมีกลิ่นอายธรรมชาติสุดอบอุ่น หรือคนที่อยากมีบ้านผักตากอากาศที่มีเสน่ห์ในสไตล์ชนบท เพราะการตกแต่งสไตล์นี้เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติป็นหลัก เช่น หิน ไม้ เชือก หรือผ้า รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความสมบูรณ์ หรือความใหม่ของวัสดุ แต่ใช้ความงามจากวัสดุธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มาสร้างเสน่ห์และความงามเฉพาะตัวในแต่ละช่วงเวลา จับคู่กับการเลือกใช้สีโทนธรรมชาติและโทนอบอุ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่และมีเสน่ห์อย่างลงตัว เราไปดูกันดีกว่าว่าหากสนใจจะแต่งบ้านสไตล์นี้จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

งานไม้
แกนหลักของการแต่งบ้านสไตล์รัสติก คือการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้มาเป็นองค์ประกอบหลักของการตกแต่ง เน้นโชว์งานไม้เพื่อให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายธรรมชาติอย่างแท้จริง เช่น คานไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ อย่าง ชุดโต๊ะกินข้าว ตู้ไม้ และชั้นวางของไม้ เป็นต้น

กำแพงหิน
วัสดุธรรมชาติไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เท่านั้น ยังมีหินหรืออิฐที่สามารถนำมาใช้ตกแต่ง สร้างบรรยากาศแบบรัสติกในบ้านได้เป็นอย่างดี ในต่างประเทศจะนิยมนำหินมาทำเป็นเตาผิง แต่คงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราเท่าไหร่ จึงแนะนำให้ใช้หินตกแต่งผนังด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้านแทน เพื่อเพิ่มมิติภายในบ้านให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

โซฟาผ้า
จุดเด่นของบ้านสไตล์นี้คือการสร้างความอบอุ่นภายในบ้าน และเทคนิคหนึ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ก็คือ การใช้โซฟาผ้าสีอ่อนอย่างสีเทาอ่อน แล้วประดับด้วยหมอนอิงน้อยใหญ่หลายๆ ใบ อาจปูพรมอีกสักผืนเพื่อเพิ่มความสบาย เพียงแค่นี้ก็ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นอีกมาก

โคมไฟแขวน
อีกหนึ่งของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์รัสติกได้ดี คือโคมไฟโครงเหล็กแบบแขวน ซึ่งจะสอดรับกับโครงหลังคาจั่วของบ้านสไตล์ฝรั่งชนบทที่มักใช้หลังคาจั่ว และติดตั้งโคมไฟแบบแขวน เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ควรเลือกใช้หลอดไฟสีส้มเป็นหลัก เพราะสีส้มเหลืองของหลอดไฟจะเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน ช่วยสร้างความอบอุ่นสบายตาภายในบ้านได้อีกระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้การตกแต่งสไตล์นี้จะเน้นใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลัก แต่หากเราตกแต่งบ้านทั้งหลังด้วยสีไม้ ก็อาจทำให้ดูเป็นบ้านพักกรมป่าไม้ไปหน่อย อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้ คือการหยิบเอาสีอ่อนๆ อย่างสีขาวเข้ามาช่วยในการตกแต่ง ซึ่งจะทำให้บ้านไม่เป็นสีโทนเดียวจนเกินไป แต่ก็ยังสามารถเข้ากันได้ดีกับสีไม้ หรือจะใช้เป็นสีเทาอ่อน หรือสีเขียวอ่อนก็ได้เหมือนกัน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

วิธีแต่งบ้าน ที่เรามักพลาดกันบ่อยๆ

เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจะแต่งบ้านให้ออกมาสวยดูดี เป็นที่เจริญหูเจริญตา ทั้งต่อตัวเจ้าของบ้านเอง และแขกผู้มาเยือน แต่บางครั้งเราก็อาจเผลอทำผิดพลาดขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว จากการมองข้ามวิธีการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ตามที่ควรจะเป็น จนทำให้บ้านออกมาไม่สวยน่ามองอย่างที่ต้องการ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีแต่งบ้านแบบผิดๆ ที่คนมักทำพลาดกันเป็นประจำมาฝาก จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย

ซื้อพรมขนาดเล็กเกินไป
พรมสวยๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ในการตกแต่งบริเวณมุมนั่งเล่นหรือข้างเตียงในห้องนอน ให้ดูสวยโดดเด่น น่าสนใจขึ้นมาได้เยอะเลยทีเดียว แต่การซื้อพรมมาผิดขนาด นอกจากจะไม่ช่วยให้ห้องดูสวยแล้ว ยังจะทำให้ห้องดูแคบลงไปอีก เพราะพรมที่เล็กเกินไป จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาในทันที ฉะนั้นควรเลือกซื้อพรมที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นๆ ด้วย

เลือกเฟอร์นิเจอร์ผิดขนาด
โดยทั่วไป คนเรามักจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในแบบที่ชอบไว้ก่อน โดยไม่ค่อยสนใจองค์ประกอบอื่นๆ กันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของขนาดที่พอดีกับพื้นที่ห้องของตัวเอง ทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไปมาแต่งบ้านกันบ่อยๆ ทางที่ดีจึงควรวัดขนาดพื่นที่ห้องให้เรียบร้อย ก่อนออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์

ใช้สีอ่อนกับห้องที่สว่างอยู่แล้ว
สำหรับห้องที่เปิดรับแสงมากอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง ที่เป็นสีสว่างๆ เช่น สีขาว สีครีม หรือสีเหลืองอ่อน มากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สีในห้องดูซีดหมอง ไม่สดใส ควรหาสีโทนเข้มมาช่วยเสริม เพื่อให้ห้องดูมีมิติ น่ามองมากยิ่งขึ้น

ไม่หาต้นไม้มาประดับเลย
แม้จะเป็นคนที่ชื่นชอบการตกแต่งแนวโมเดิร์น แต่ก็ควรเลือกไม้ประดับสวยๆ มาใช้ตกแต่งห้องด้วย เพราะต้นไม้จะช่วยให้บรรยากาศของห้องดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเยอะ และยังเข้ากับการตกแต่งได้ทุกสไตล์ นอกจากนี้ยังช่วยให้บ้านดูผ่อนคลายได้มากขึ้น จึงถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ใส่ของจุกจิกมากเกินไป
สาวๆ หลายคน มักจะมีของสะสมจุกจิกน่ารักๆ เยอะ และก็อยากเอาออกมาโชว์แขกที่มาเยี่ยมบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรจำกัดจำนวนของโชว์ ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องรกจนไม่น่ามอง ควรเลือกของแบบที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านมาวางไว้เพียงไม่กี่ชิ้นก็พอแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครรู้ตัวว่าพลาด ก็ลองไปปรับวิธีการตกแต่งกันดูใหม่นะ เพื่อจะได้ห้องสวยแบบที่ใจต้องการ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

รวมเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิต ที่คนรักการแต่งบ้านต้องมี

                   สำหรับคนรักบ้านแล้ว การได้จัดบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือเลือกหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งบ้านให้ดูดีอยู่เสมอ นับเป็นกิจกรรมที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลายคนพอลุกขึ้นมาแต่งบ้านให้สวยงามแล้ว ก็สามารถขลุกอยู่กับบ้านได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ วันนี้เราเลยมีเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดฮิตมาฝาก เพื่อเอาไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ มาแต่งบ้าน จะมีแบบไหนบ้าง ลองมาดูกัน

เฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล
เฟอร์นิเจอร์มินิมอล ที่นิยมมากได้แก่เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า เฟอร์นิเจอร์แบบมูจิ ซึ่งจะเน้นไปที่งานไม้สีอ่อนๆ พื้นผิวขัดเรียบ ดีไซน์น้อยตามสไตล์มินิมอล แต่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่น และกว้างขึ้น ให้ฟิลแบบญี่ปุ่น ไม่จัดจ้าน แต่เป็นระเบียบและดูสบายตา ใครไม่อยากตกเทรนด์ ก็ต้องรีบไปตามหามาแต่งบ้านกันด่วนๆ

เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ
เฟอร์นิเจอร์วัสดุธรรมชาติ นอกจากวัสดุไม้ที่ฮิตกันมากๆ แล้ว ปัจจุบันยังนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหินขัด หินควอทไซต์ หรือเทอราซโซ่ อย่างอ่างอาบน้ำ หรือเคาน์เตอร์ในครัว ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหรา และบรรยากาศสงบๆ ให้กับห้องได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ ก็ยังมีเฟอร์นิเจอร์จากวัสดุอื่นๆ ที่มาแรงอย่าง เก้าอี้ผักตบชวา หรือหวาย ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้บ้านดูเชย เพราะปัจจุบันมีการออกแบบให้ดูสมัย เข้ากับการแต่งบ้านได้หลายสไตล์ ใครอยากได้บ้านที่มีบรรยากาศแบบคาเฟ่เกาหลี ดูอบอุ่น ต้องไม่พลาด

เฟอร์นิเจอร์มือสอง
เฟอร์นิเจอร์มือสอง นับอีกหนึ่งเทรนด์ยอดนิยมตลอดกาล ส่วนราคาก็มีตั้งแต่แบบย่อมเยาว์ ไปจนถึงราคาแพงหูฉี่ ด้วยดีเทลแปลกตา มีเอกลักษณ์ และค่อนข้างไม่เหมือนใคร เฟอร์นิเจอร์มือสองบางชิ้นยังเป็นของเก่า ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และเต็มไปด้วยเรื่องราว จึงมีคุณค่า และราคาสูง แต่หากจะเลือกเฟอร์นิเจอร์มือสองมาแต่งบ้าน แนะนำให้เลือกจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และควรพิจารณารายละเอียดต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชัน
เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันได้รับความนิยมมากในการตกแต่งพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม โดยจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม ถือว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องดีไซน์ และการใช้ชีวิต เช่น โซฟาเบด เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของเยอะๆ หรือตู้เก็บของที่สามารถแปลงร่างเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย แม้บางชิ้นจะมีราคาสูง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้งาน

                   เป็นอย่างไรบ้างกับเฟอร์นิเจอร์สุดฮิตที่เราได้นำมาฝาก มีแบบไหนตรงกับใจกันบ้างรึเปล่า ถ้าชอบก็อย่าลืมไปซื้อไปหามาแต่งบ้านให้เข้าเทรนด์กันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เคล็ดลับการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

                    ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ช่วยทำให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบาย และง่ายขึ้น รวมไปถึงเรื่องใกล้ตัวอย่างเช่นงานบ้าน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา หลายคนจำเป็นต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น รวมถึงคนในวัยทำงานก็ต้องนำงานกลับมาทำที่บ้าน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 การทำงานบ้านจึงกลายเป็นเรื่องที่หลายบ้านให้ความสำคัญมากขึ้น โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากก็คือ “หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuum Cleaner)” ที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดบ้านได้มาก แถมยังสะอาดเหมือนกับใช้มือทำเองอีกด้วย

ประโยชน์ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

  • สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย เช่น สามารถดูดฝุ่น และถูพื้นได้ในเครื่องเดียว
  • ประหยัดเวลา เพราะสามารถทำความสะอาดบ้านได้โดยอัตโนมัติ และสามารถตั้งเวลาการทำงานได้ด้วย
  • ประหยัดพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่จัดเก็บ เพราะมีขนาดกะทัดรัด
  • ใช้งานง่าย สามารถตั้งระบบผ่านสมาร์ทโฟน หรือเพียงกดปุ่มก็สามารถทำงานได้เลย
  • สามารถทำความสะอาดได้ทั้งฝุ่นขนาดเล็ก เส้นผม ขนสัตว์ และยังไม่ทำให้ฝุ่นกระจายด้วย
  • ทำงานด้วยเสียงที่ไม่ดัง จึงไม่รบกวน และช่วยให้คนในบ้านได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
  • สามารถทำความสะอาดได้หลายพื้นผิว เช่น พรม, พื้นไม้, และกระเบื้อง เป็นต้น

เคล็ดลับการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

  1. เช็คพื้นที่ในบ้านก่อน
    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถทำความสะอาดพื้นผิวได้หลายแบบก็จริง แต่หากพื้นที่บ้านมีสิ่งกีดขวางเยอะ หรือมีการเล่นระดับในบ้านมากเกินไป ก็อาจทำให้การทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีประสิทธิภาพลดลงได้
  • มีระบบกลับแท่นชาร์จอัตโนมัติ
    โดยส่วนใหญ่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะมีระบบกลับแท่นชาร์จอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่หากจะซื้อก็ควรเช็คดีๆ อีกรอบ เพราะฟังก์ชั่นนี้จะช่วยประหยัดเวลา และทำให้เราไม่ต้องตามเก็บหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลังใช้งานเสร็จอีกด้วย
  • เสียงเงียบขณะทำงาน
    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีจะไม่ส่งเสียงดังรบกวนขณะทำงานเหมือนเครื่องดูดฝุ่น ดังนั้นก่อนจะซื้อควรตรวจสอบระบบเสียงเพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนในบ้าน
  • มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสม
    ปัจจุบันหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ควรดูที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา จะช่วยทำให้เราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สามารถตั้งเวลาได้, มีการแจ้งเตือนถ้าขยะเต็ม เป็นต้น

              ใครที่เป็นคนประเภทรักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ชอบทำงานบ้านเอาซะเลย ขอบอกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนับเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์มากๆ ถ้ายังไม่มีติดบ้านไว้ ก็น่าจะลองศึกษาดูซักหน่อยนะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทริคง่ายๆ สำหรับมือใหม่หัดทาสีบ้าน

                 เวลาที่บ้านของเราเกิดอาการผนังบวมจากน้ำฝน หรือร่อนแตกลายเพราะโดดแดดจัด แม้กระทั่งเบื่อสีผนังเดิม อยากเปลี่ยนเป็นสีใหม่ รู้หรือไม่ว่าสมัยนี้เราไม่จำเป็นต้องจ้างช่างให้สิ้นเปลืองแล้ว เพราะเราสามารถทำเองก็ได้ แต่ถ้าใครยังไม่เคยลอง วันนี้เรามีขั้นตอนการทาสีผนังห้องด้วยตัวเองมาฝาก ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

ขั้นตอน 1 : เลือกประเภทสีทาผนัง
การเลือกสีมาทาผนังนั้นไม่ยาก เพียงแค่เลือกให้ถูกว่าจะใช้สีทาภายในหรือสีทาภายนอก เช่น หากต้องการทาสีห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ก็ให้เลือกสีทาภายใน แต่ถ้าต้องการจะซ่อมแซมผนังนอกบ้าน ก็ให้เลือกสีทาภายนอก ส่วนเรื่องสี อยากได้โทนไหน เฉดไหน ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย

ขั้นตอน 2 : เตรียมผนังก่อนทาสี
การเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยให้สีใหม่ที่ทาไปเรียบเนียนและอยู่ทน ซึ่งขั้นตอนการเตรียมผนังอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผนังของแต่ละคน

  • หากมีวอลเปเปอร์แปะไว้ ให้แซะวอลเปเปอร์ และขัดกาวออกทั้งหมด
  • หากสีเก่าหลุดร่อน บวมผุ ก็ให้แซะออกให้เรียบร้อยก่อน
  • หากผนังมีคราบเชื้อรา ตะไคร่ หรือเขม่า ให้ใช้แปรงขัดทำความสะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า และปล่อยให้แห้งสนิทก่อน
  • หากผนังมีรอยร้าว ให้อุดรอยร้าวด้วยสีโป๊วปูนก่อน เวลาทาสีจะได้ไม่ตกร่อง
  • และขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมผนังก็คือ ใช้กระดาษทรายเบอร์ 3 ขัดให้ทั่วผนังที่ต้องการทาสี

ขั้นตอน 3 : ทารองพื้นก่อนลงสีจริง
สีรองพื้นจะช่วยให้สีจริงติดง่ายและอยู่ทน หากเลือกสีรองพื้นที่ป้องกันเชื้อรา หรือเป็นสีรองพื้นที่กันน้ำได้ ก็จะยิ่งดีมาก สีรองพื้นมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีและเหมาะกับสภาพผนังที่แตกต่างกัน เช่น สีรองพื้นสูตรน้ำ เหมาะกับผนังภายในบ้าน เพราะกลิ่นไม่ฉุนและแห้งเร็ว, สีรองพื้นสูตรน้ำมัน มีคุณภาพสูงกว่า แต่กลิ่นฉุน เหมาะกับผนังภายนอก โดยให้ทาสีรองพื้นทั่วผนังเพียง 1 ชั้น และรอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนลงสีจริง   

ขั้นตอน 4 : ทาสีผนัง
ขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการทาสีผนัง หลังจากสีรองพื้นแห้งสนิทแล้ว ให้เริ่มลงสีผนังได้เลย แนะนำให้ทา 2 ชั้น โดยทาสีชั้นแรกทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยทาสีชั้นที่ 2 ทับลงไป จะช่วยให้สีติดทน และกลบร่องรอยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอน 5 : เก็บรายละเอียด
ขั้นตอนสุดท้าย คือการเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สีชั้นที่ 2 แห้งสนิทแล้ว (ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน) ให้ใช้แปรงทาสีเก็บขอบมุมอีกรอบ แนะนำให้ทำอย่างใจเย็นไม่ต้องรีบ เท่านี้การทาสีผนังก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

                  การทาสีบ้านด้วยตัวเองนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่จะต้องใจเย็น อดทน ค่อยๆ เก็บรายละเอียด และใช้แรงกายมากสักนิด แต่เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้หายเหนื่อยแน่นอน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

“หูฟัง” เลือกยังไง? แบบไหนเหมาะกับคุณ?

                 หูฟัง ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในในยุคดิจิทัล เพราะใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ทำให้ใช้งานสะดวกและหลากหลายมากขึ้น นอกจากจะมีประโยชน์ในการสื่อสาร ใช้รับชมสื่อบันเทิงต่างๆ และแสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านความปลอดภัยขณะขับรถอีกด้วย

ประเภทของหูฟัง แบ่งตามลักษณะการใช้งานได้ดังนี้

  1. แบบแปะหู (On-Ear Headphones)

สวมใส่โดยตัวหูฟังปิดทับอยู่บนใบหู หูฟังประเภทนี้เมื่อใช้งานจะแทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลย เนื่องจากปิดทับเต็มใบหู ถ่ายทอดเสียงทุ้มลึกได้ ในขณะที่ยังมีขนาดกะทัดรัด พกพาได้สะดวก บางรุ่นยังออกแบบให้สามารถพับเก็บได้ด้วย อย่างไรก็ตามหูฟังประเภทนี้อาจไม่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เจ็บใบหูได้

  • แบบครอบหู (Over-Ear Headphones)

สวมใส่โดยตัวหูฟังวางครอบไปบนศีรษะ หากออกแบบให้สวมใส่สบายและไม่หนักจนเกินไป จะเป็นหูฟังที่เหมาะกับการใช้ดูหนังฟังเพลงได้เป็นเวลานาน เนื่องจากไม่ได้กดทับที่ใบหูโดยตรง อย่างไรก็ตาม หูฟังประเภทนี้อาจทำให้เกิดการสะสมของความร้อนหรือเหงื่อไคลบริเวณรอบใบหูได้ โดยเฉพาะถ้าหากใช้วัสดุที่ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเช่น หนังเทียม หรือหนังสังเคราะห์

  • แบบอินเอียร์ (In-Ear Headphones)

สวมใส่โดยต้องแหย่ปลายจุกซิลิโคนหรือจุกโฟมเข้าไปในรูหู เพื่อส่งคลื่นเสียงเข้าสู่แก้วหูโดยตรง เป็นหูฟังที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีความไวสูง และเก็บเสียงได้ดี เหมาะกับการใช้งานแบบพกพาไปนอกสถานที่ สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เล่นเพลงหรือสมาร์ทโฟนได้ดี

  • แบบเอียร์บัด (Earbuds)

เป็นหูฟังขนาดเล็ก มีรูปแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ส่วนมากจะออกแบบให้มีครอบโฟมหรือขอบยางเพื่อช่วยป้องกันเสียงรั่ว ทำให้มีน้ำหนักเสียงที่ดีขึ้นและมีสมดุลเสียงที่ดี จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือ ใช้งานสะดวก สามารถสวมใส่เป็นเวลานานได้ เพราะน้ำหนักเบาและไม่บีบรัดใบหู ในขณะที่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดี มีความไวสูง สามารถใช้งานกับเครื่องเล่นแบบพกพา หรือสมาร์ทโฟนได้ดี

              ปัจจุบันเป็นยุคที่คนเราต้องการความคล่องตัวมากขึ้น หูฟังมีสายแบบดั้งเดิมอาจไม่ตอบโจทย์มากพอ ทำให้มีการคิดค้นหูฟังไร้สาย หรือ Bluetooth Headphone ซึ่งมีดีไซน์สวยงามล้ำสมัย และมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน จุดเด่นคือไม่มีสายห้อยพะรุงพะรัง ด้วยการนำเอาเทคโนโลยี Bluetooth เข้ามาติดตั้ง ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมต่อกันได้นั่นเอง

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

จัดโต๊ะอาหารตามหลักฮวงจุ้ย เสริมพลังบวกให้

                  เรื่องของศาสตร์ ฮวงจุ้ย นับเป็นความเชื่อที่มีมายาวนาน และยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอจนกระทั่งปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าหากทำถูกต้องตามหลักแล้ว ก็จะช่วยเสริมให้เกิดโชคลาภ ความเจริญก้าวหน้า และนำพาแต่สิ่งดีๆ มาสู่คนในบ้าน ไม่เพียงเท่านั้นฮวงจุ้ยยังช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ และความสงบสุขของครอบครัวอีกด้วย

                  เมื่อพูดถึงฮวงจุ้ย หลายคนก็มักจะนึกไปถึงการจัดบ้าน หรือการตกแต่งห้องต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าแม้แต่พื้นที่เล็กๆ อย่างโต๊ะอาหาร ก็สามารถใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยมาเป็นตัวช่วยในการตกแต่งได้ด้วยเหมือนกัน

รูปทรงของโต๊ะ
ก่อนอื่นเลยควรเลือกโต๊ะอาหารให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง โดยรูปทรงที่ช่วยเสริมพลังงานด้านดี และเหมาะสมจะเป็นโต๊ะอาหารมากที่สุดก็คือทรงรีและทรงกลมที่มีความโค้งมน แต่หากจำเป็นต้องใช้ทรงสี่เหลี่ยม ก็อาจเสริมด้วยพรมเพื่อช่วยปรับให้สมดุลยิ่งขึ้น

ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะ
ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะอาหารที่ดีที่สุด คือ บริเวณกลางห้อง โดยหันมุมโต๊ะเล็กน้อยไปทางผนัง เพื่อให้พลังงานบวกไหลเวียนไปตามแนวเส้นโค้งได้

จัดโต๊ะแบบเรียบง่าย
การจัดโต๊ะอาหารเพื่อเพิ่มความสงบสุขให้กับคนในบ้าน ควรเน้นรูปแบบและสีสันที่เรียบง่าย โดยเลือกอุปกรณ์บนโต๊ะที่มีสภาพดี ไม่ว่าจะเป็น จาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม ไม่ควรบิ่นหรือแตกหัก ส่วนการตกแต่งตกโต๊ะควรมีแค่ 1 – 2 สี โดยเน้นเป็นลายเส้นแนวตั้ง จะช่วยเสริมพลังงานได้สูงกว่าลายอื่นๆ

ตำแหน่งที่นั่งบุคคลสำคัญ
บุคคลสำคัญของครอบครัว ควรนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งควรมีด้านหลังเป็นผนังหรือกำแพงทึบ ห่างจากประตู และไม่ควรมีหน้าต่างอยู่ด้านหลัง เพราะจะทำให้สูญเสียพลังงาน และรู้สึกไม่มั่นคง

ผลไม้ ดอกไม้ เสริมความสุข
ลองนำภาชนะทรงกลมใส่ผลไม้วางไว้กลางโต๊ะอาหาร หรือจะเป็นแจกันดอกไม้เสริมความสดชื่นสดใสก็ได้ โดยเป็นให้ใช้เป็นดอกไม้สด ควรหลีกเลี่ยงดอกไม้แห้ง เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนล้าแทนสดชื่น สำหรับผลไม้แนะนำเป็น ส้ม แอปเปิ้ล และลูกแพร์ จะช่วยเสริมความร่ำรวย มั่งคั่ง และสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

                 และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยเนรมิตโต๊ะอาหารในบ้าน ให้กลายเป็นจุดที่รับแต่พลังงานด้านบวกเข้ามา ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ให้พูดคุยกันเข้าใจกัน และมีแต่ความสงบสุข ใครที่อยากให้การทานข้าวร่วมกันในทุกๆ วันของคนในครอบครัว นำพามาแต่เรื่องดีๆ ก็ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับโต๊ะอาหารที่บ้านของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ทำความรู้จักกับตู้เย็น 2 ประตู 2 สไตล์

Side by Side และ French door

          ตู้เย็น 2 ประตู อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าเลือกซื้อได้ไม่ยาก แค่เลือกขนาดความจุให้พอดีกับความต้องการใช้งาน เลือกแบรนด์น่าเชื่อถือ ซื้อรุ่นที่ประหยัดไฟ และราคาพอรับได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นตู้เย็น 2 ประตู ยังมีแบบ Side by Side และ แบบ French Door ซึ่งจัดเป็นตู้เย็นขนาดใหญ่ประเภท 2 ประตูเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่าง เรามาทำความรู้จักกับตู้เย็นทั้ง 2 แบบกันดีกว่า

ตู้เย็น Side by Side 2 ประตู

                ตู้เย็นแบบนี้เริ่มต้นใช้กันที่ยุโรป ต่อมาก็มาฮิตกันในอเมริกา เนื่องจากวัฒนธรรมการจับจ่ายซื้ออาหารของคนยุโรปและอเมริกานั้น มักจะนิยมการช้อปปิ้งไม่บ่อยครั้ง แต่จะเน้นซื้อครั้งละมากๆ เพื่อไปกักตุนไว้กินกันได้ตลอดสัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ เพื่อกักเก็บอาหารไว้ได้นานๆ และมีระบบทำความเย็น ช่องแช่แข็งที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเรื่องของดีไซน์ ก็ต้องสอดรับกับวัฒนธรรมตะวันตก ที่จะไม่ได้มีพื้นที่กว้างสำหรับการเปิดประตูตู้เย็นมากนัก การดีไซน์ประตูของตู้เย็น side by side จึงทำให้เปิดได้ทั้งซ้ายขวา เพื่อเป็นการลดพื้นที่สำหรับการเปิดประตูนั่นเอง

                ข้อดีของดีไซน์ Side by Side ที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนชั้นวางภายในได้หลายรูปแบบ ทำให้จัดวางและแช่สิ่งของได้หลายขนาดหลายรูปทรงมากขึ้น บางรุ่นก็เพิ่มระบบกดน้ำมาที่หน้าประตูตู้ด้วย

                ส่วนข้อเสียของตู้เย็น Side by Side ก็คือ แม้จะแบ่งแยกสัดส่วนออกมาเป็น 2 ฝั่งก็จริง แต่จะมีฝั่งหนึ่งที่แคบกว่า ด้วยความกว้างที่จำกัด จึงอาจทำให้นำภาชนะใส่อาหารใหญ่ๆ เข้าไปแช่ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการพื้นที่ของแต่ละคน และด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่ จึงต้องใช้กำลังไฟมาก กินไฟมากกว่า และมีราคาสูงกว่าตู้เย็นขนาดกลางๆ ทั่วไปพอสมควร

ตู้เย็น French door 2 ประตู

               โดยปกติแล้วตู้เย็นทั่วไปจะมีช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน เพราะเป็นการดีไซน์ตามหลักฟิสิกส์ ที่อากาศเย็นจะไหลลงสู่เบื้องล่างเสมอ นั่นจึงทำให้ ตู้เย็นทั่วไปนำช่องแช่แข็งไว้ด้านบน เพื่อสามารถกระจายความเย็นลงสู่ด้านล่าง แต่แนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศสแตกต่างออกไป เพราะในฝรั่งเศสอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ทำให้คนไม่ค่อยกังวลกับการแช่อาหารนัก แต่คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน หยิบจับอาหารออกจากตู้เย็นได้รวดเร็วมากกว่า จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตดีไซน์ตู้เย็นแบบ French door ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนฝรั่งเศสนั่นเอง

                   บางคนอาจจะคิดว่าตู้เย็นนี้ออกแบบมาสวนทางกับหลักการไหลของอากาศ จึงทำให้เย็นไม่ทั่วถึง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะด้านในช่องแช่แข็งจะมีพัดลมกระจายความเย็นอยู่อีก 1 ตัว จึงกระจายความเย็นได้ทั่วถึงไม่ต่างจากตู้เย็นทั่วไป เพียงแต่การมีพัดลมเพิ่มเข้ามา จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น

                  กล่าวโดยสรุป ตู้เย็น French door ก็คือตู้เย็น side by side อีกรูปแบบหนึ่ง มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียในการใช้งานแทบจะเหมือนกันหมด ต่างกันตรงที่แบบ French door จะย้ายช่องแช่แข็งไปไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นแนวคิดการใช้ตู้เย็นสไตล์ฝรั่งเศส อันเป็นที่มาของคำว่า French นั่นเอง

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์คอทเทจ

การแตกแต่งสไตล์ Cottage เป็นการตกแต่งบ้านแบบคันทรีตะวันตก ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับสไตล์ Vintage ที่มีบรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ น่าอยู่อาศัย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี แต่สไตล์ Cottage จะดูดิบกว่า เนื่องจากวัสดุที่ใช้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ และดูเรียบง่าย เช่น ใช้ไม้สนทำฝ้าเพดานหรือผนัง โดยงานจะไม่ละเอียดนัก เพื่อให้เห็นถึงพื้นผิวธรรมชาติของไม้จริงๆ

Tips ในการตกแต่งสไตล์ Cottage

  • สีสันและแพตเทิร์น
    การตกแต่งสไตล์คอทเทจ นิยมใช้สีเอิร์ทโทน เช่น สีเบจ ขาว เทา ดำ น้ำตาล และครีม โดยอาจมีการนำวอลเปเปอร์เข้ามาช่วยเสริมให้ผนังดูโดดเด่น ซึ่งมักจะใช้เป็นลายดอกไม้ หรือลายผิวไม้ เป็นส่วนใหญ่
  • ไม้คือส่วนประกอบสำคัญ
    ไม้ จัดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการตกแต่งสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็น กรอบรูปไม้ กระถางไม้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ ควรเลือกใช้วัสดุที่เป็นไม้เปลือย ไม่ผ่านการทาสี หรือเคลือบแลคเกอร์ เน้นผิวสัมผัสที่แท้จริงของธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านไม่ดูปรุงแต่งมากเกินไป
  • พื้นและหน้าต่าง
    พื้น จะเน้นความเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นพื้นไม้ แต่หากเป็นไม้ที่ดูใหม่เกินไป ก็อาจจะใช้วิธีการทาสีให้ดูเก่าลงก็ได้ ส่วนเรื่องความเข้มของสีไม้ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน สำหรับหน้าต่าง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกผ้าม่าน ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งหลักการเลือกใช้สี หรือลวดลายของผ้าม่านนั้น จะคำนึงถึงสีของผนังห้องและเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นหลัก เช่น หากผนังห้องสีครีม แนะนำให้ใช้ผ้าม่านสีครีม สีน้ำตาล หรือสีเบจ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน
  • ของตกแต่ง
    ของตกแต่งบ้าน ก็ถือเป็นเสน่ห์ที่จะช่วยให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น ซึ่งของที่นำมาประดับ ก็มักจะเป็นของที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกดัดแปลงมากนัก เน้นความสบายตาหลัก เช่น พรมปูพื้นเรียบๆ เตียงเหล็กดัดที่ดูโปร่งสบาย และให้กลิ่นอายของความอบอุ่น รวมถึงดอกไม้สด ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ขาดไม่ได้ เพราะจะทำให้บ้านสไตล์คอทเทจ ดูมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ส่วนของประดับอื่นๆ อย่างจานชาม ก็ยังสามารถเอาออกมาโชว์ได้ด้วย แนะนำให้เลือกเป็นเซตที่ดูสวยงาม โดยอาจหามุมวางเพื่อให้ดูเป็นสัดส่วน และชวนมองมากขึ้น

Cottage Style ถือเป็นการตกแต่งที่ไม่ได้มีรายละเอียดยุ่งยากมากนัก ทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และอบอุ่นเมื่อได้อยู่อาศัย สำหรับใครที่อยากลองปรับบ้านให้เป็นสไตล์นี้ ก็อาจจะเริ่มจากการหาของตกแต่งเล็กๆ มาลองแต่งดูก่อนก็ได้ และถ้าหากเริ่มรู้สึกหลงรักสไตล์นี้ขึ้นมาจริงๆ เมื่อไร ค่อยขยับขยายการตกแต่งให้ใหญ่ขึ้น

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน