baaninspire-butterfly
Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

น้ำหอมเปิดแล้ว ทำยังไงให้อยู่ได้นาน

                สำหรับใครที่ใช้ น้ำหอม เป็นประจำอยู่แล้ว น่าจะพอรู้ว่าโดยทั่วไปน้ำหอมที่เปิดใช้งานแล้ว จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3-5 ปี จึงจะเสื่อมสภาพ

                ด้วยคุณสมบัติอันดีงามของน้ำหอมที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใครหลายๆ คนได้ และยังมีกลิ่นหอมอันหลากหลายให้ได้เลือกสรรค์ ทั้งยังมีการออกแบบขวดให้สวยงาม น่าสะสม หรือจะมีไว้เพื่อวางโชว์ในบ้าน ก็เก๋ไม่หยอก จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายๆ คนจะมีน้ำหอมสะสมไว้ที่บ้านกันคนละหลายๆ ขวด ซึ่งเวลาใช้แต่ละครั้ง ฉีดแค่นิดเดียวกลิ่นก็อยู่ติดทนเกือบทั้งวันแล้ว โดยเฉพาะแบบ Perfume ทำให้กว่าจะใช้หมดก็เป็นเวลานานเกิน 3-5 ปีแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น เราจะมีวิธีการจัดเก็บที่สามารถช่วยยืดอายุให้ใช้ได้นานขึ้นกว่านี้หรือไม่?

หลีกเลี่ยงแสงแดด ช่วยยืดอายุน้ำหอมได้

               หากวางขวดน้ำหอมไว้ในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ก็จะสามารถเก็บไว้ได้นานเช่นเดียวกับการเก็บไวน์ ซึ่งแสงแดดจะเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำลายคุณภาพของกลิ่นน้ำหอมได้ จึงควรเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือบางคนอาจจะเลือกเก็บไว้ในตู้เย็น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีอุณหภูมิที่เย็น ซึ่งช่วยรักษากลิ่นหอมไว้ได้ดี

             อย่างไรก็ตาม แม้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงที่ร้อนๆ และมีแสงแดด แต่ห้องน้ำก็เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะจะเก็บน้ำหอม เพราะถึงแม้จะเย็น แต่ก็มีความชื้นสูงมาก ซึ่งจะทำให้กลิ่นหอมเสื่อมสภาพลงได้

น้ำหอมชนิดความเข้มข้นสูง จะยิ่งมีอายุยาวนาน

              ยิ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นที่มีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานเท่านั้น เพราะเมื่อเราเปิดขวดเพื่อใช้งาน กลิ่นหอมก็จะค่อยๆ ระเหยออกมาเรื่อยๆ หากความเข้มข้นของกลิ่นเบาบาง ก็จะระเหยจนหมดในเวลาไม่นาน โดยขนาดความเข้มข้นที่แนะนำให้ซื้อมาใช้ก็คือแบบ Parfume และ Eau de Parfum ซึ่งมีความเข้มข้นสูง สามารถใช้งานได้นาน

ตรวจสอบกลิ่นน้ำหอมที่มีอายุเกิน 5 ปี ว่าหมดอายุจริงหรือไม่

           แม้ว่าจะซื้อน้ำหอมมานานเกิน 5 ปีแล้ว ก็ยังไม่ควรโยนทิ้งทันที แต่ให้ตรวจสอบสภาพของขวดและกลิ่นดูก่อน หากไม่มีอะไรผิดปกติ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้ยาวๆ

             นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ดูส่วนผสมที่ข้างขวดด้วย หากมีส่วนผสมเป็นพวกผลไม้ตระกูลส้ม หรือตระกูลซิตรัส ก็มีแนวโน้มว่าจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าชนิดอื่น เพราะสามารถระเหยได้ไว แตกต่างจากพวกกลิ่นเปลือกไม้ และหากผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติล้วน ที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ก็ยิ่งทำให้กลิ่นหอมเสื่อมสภาพลงไวกว่าแบบอื่น

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านสวยหรูเลียนแบบซุปตาร์

               หลายๆ คนคงมีไอดอลหรือซุปตาร์ในดวงใจกันบ้างไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าบางคนอาจชื่นชอบพวกเค้ามากๆ ถึงขั้นอยากมีไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตแบบดาราในดวงใจกันเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำสไตล์การแต่งบ้านให้สวยหรูแบบซุปตาร์มาฝาก ลองมาดูซิว่าเหล่าซุปตาร์คนดังๆ เค้ามักจะแต่งบ้านกันแบบไหน

  1. เน้นความโอ่อ่า
    เราสามารถมีบ้านสวยหรูแบบซุปตาร์ได้ง่ายๆ ด้วยการออกแบบบ้านให้มีดีไซน์ที่โอ่อ่า มีโถงกว้างๆ ดูโปร่งสบาย โดยอาจตกแต่งบ้านให้มีเพดานสูงโปร่ง หรือการเลือกใช้ผนังกระจกใสขนาดใหญ่เป็นพิเศษ พร้อมตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผ้าม่านยาว ก็สามารถทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูหรูหราระดับซุปตาร์ขึ้นมาได้แล้ว
  • เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรู
    สิ่งหนึ่งที่สามารถเพิ่มความหรูหราให้กับบ้านตามแบบฉบับซุปตาร์ได้อย่างง่ายดายก็คือ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหรา เช่น ตกแต่งมุมห้องนั่งเล่นด้วยโซฟานุ่มๆ ที่มาพร้อมดีไซน์ยาวแบบคลาสสิก ก็จะสามารถเพิ่มความหรูหราให้บ้านดูสวยโดดเด่นแบบสุดๆ
  • ตกแต่งด้วยพรมขนนุ่ม
    ไม่เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรูหรา ที่สามารถช่วยเพิ่มความคลาสสิกอย่างมีระดับให้กับพื้นที่ภายในบ้านได้เท่านั้น แต่การตกแต่งด้วยพรมขนนุ่มตามห้องต่างๆ อย่างห้องรับแขก หรือห้องนอน ก็ยังมีส่วนช่วยทำให้บ้านดูหรูหรามีระดับได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  • ตู้โชว์ หรือชั้นวางขนาดใหญ่
    นอกจากโซฟาสวยๆ แล้ว การตกแต่งบ้านด้วยตู้โชว์ หรือชั้นวางขนาดใหญ่พิเศษ ก็ยังสามารถสร้างความโอ่อ่าหรูหราอลังการให้บ้านดูเป็นบ้านสวยสไตล์ซุปตาร์ได้ไม่ยาก
  • ประดับกระจกแวววาว
    อีกหนึ่งของตกแต่งที่สามารถเพิ่มความพิเศษให้กับพื้นที่ภายในบ้านของเราได้ก็คือ การประดับบ้านด้วยกระจกเงาดีไซน์สวยคลาสสิกตามมุมต่างๆ ของบ้าน เพราะกระจกเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแวววาวให้บ้านดูมีมิติและหรูหรามากยิ่งขึ้น
  • ของแต่งบ้านสร้างบรรยากาศ
    นอกจากของตกแต่งชิ้นใหญ่ๆ แล้ว ก็ต้องลืมใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ด้วยการนำของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาสร้างบรรยากาศภายในบ้าน ให้มีความน่าอยู่และดูหรูหรามากขึ้นได้อีกด้วย
  • แชนเดอร์เลียร์คริสตัล
    และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยหากต้องการแต่งบ้านแบบซุปตาร์นั่นก็คือ การตกแต่งด้วยแชนเดอร์เลียร์ประดับคริสตัลที่มีความแวววาววิบวับ บ่งบอกความมีระดับสุดๆ

               ใครอยากลองใช้ชีวิตเลียนแบบซุปตาร์ ด้วยการจำลองรูปแบบของที่อยู่อาศัยให้คล้ายๆ กับบ้านของพวกเขาดูบ้าง ก็อย่าลืมนำเทคนิคการแต่งบ้านตามที่ได้แนะนำทั้งหมดนี้ ไปใช้กันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งบ้านให้น่าอยู่ อบอุ่น เป็นกันเอง ตามสไตล์โฮมมี่

                 เหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานประจำตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์แล้ว พอถึงวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดพักผ่อน หลายคนก็คงอยากจะหลบหลีกความวุ่นวายของบรรยากาศในเมือง ออกมาอยู่ในบรรยากาศสบายๆ กันบ้าง ซึ่งเราสามารถทำให้บ้านของเราเองมีบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในแบบที่ว่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน วันนี้เรามีไอเดียการตกแต่งบ้านที่เรียกว่า สไตล์โฮมมี่ มาแนะนำ จะมีวิธีการตกแต่งอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันเลย

สวนสวยในบรรยากาศอบอุ่น
ในวันหยุดสบายๆ ใครๆ ก็คงอยากจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนนอกบ้านชิลล์ๆ ลองเลือกวัสดุประเภทไม้มาเป็นองค์ประกอบหลัก แล้วปรับสวนให้มีบรรยากาศอบอุ่น สะท้อนอารมณ์บ้านๆ โดยการนำวัสดุที่สื่อถึงความเป็นพื้นบ้านอย่างลำไม้ไผ่ มาทำเป็นฝ้าเพดาน แล้วประดับเพิ่มเติมด้วยงานหัตถกรรม และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์เรียบง่าย เสริมอารมณ์ธรรมชาติเข้าไปด้วยต้นไม้กระถาง เท่านี้ก็เป็นมุมพักผ่อนแบบกันเองท่ามกลางธรรมชาติแล้ว

ตกแต่งบริเวณหน้าประตูบ้านให้น่ามอง
ลองมาเปลี่ยนมุมเล็กๆ อย่างประตูหน้าบ้านที่หลายคนมักมองข้ามให้อบอุ่นมากขึ้น ด้วยการใช้กระจกโปร่งๆ เป็นตัวช่วย เน้นการเปิดโล่งด้วยกระจกใสเพื่อรับแสงจากธรรมชาติให้มากที่สุด คู่กับประตูบานไม้ ที่นอกจากจะทำให้ดูทันสมัยขึ้นและอบอุ่นมากๆ แล้ว การตกแต่งด้วยกระจกยังช่วยเพิ่มความสว่างให้กับภายในตัวบ้านได้อีกด้วย

เจือกลิ่นอายชนบท
แม้บ้านจะอยู่ติดถนนกลางเมือง แต่ก็สร้างบรรยากาศอบอุ่นแบบโฮมมี่ได้ ด้วยการตกแต่งภายในโดยเน้นโทนสีไม้ เข้ากันดีกับผนังกระจกโปร่ง และมีการนำไม้มากรุผนังในบางส่วน วางโต๊ะเก้าอี้เรียบง่ายเป็นมุมสบายๆ ข้างหน้าต่าง เพิ่มเติมด้วยการประดับดอกไม้แห้ง โคมไฟตะเกียง ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นให้กับบ้านได้ดีเช่นกัน

ห้องนั่งเล่นแสนสบาย
มุมนั่งเล่นเป็นมุมที่คนในบ้านใช้งานกันบ่อยที่สุด ทั้งนั่งเล่น ดูทีวี กินของว่าง รวมทั้งใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน จึงควรเน้นตกแต่งห้องนั่งเล่นให้ดูสบายตา เช่น โทนสีขาว เขียว และสีไม้ธรรมชาติ ในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ที่เข้ากันทั้งยุคสมัยและดีไซน์ รวมทั้งงานสาน งานหวาย และผ้าทอ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระถางต้นไม้ หรือตะกร้าใส่ของ จับวางรวมกันแล้วดูกลมกลืนสุดๆ

             ขอแค่รู้จักการเลือกสไตล์การตกแต่งได้ดี เราก็จะสามารถทำให้บ้านดูอบอุ่น น่าพักผ่อนได้หมด ไม่ว่าบ้านจะเป็นแบบไหน มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเดิมที่แสนจะธรรมดาให้น่าอยู่ตามสไตล์โฮมมี่ ที่ทั้งผ่อนคลาย อยู่สบาย และมีความสุขในทุกๆ วันกันเถอะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

ซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง?

                เครื่องซักผ้า จัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านอีกหนึ่งชนิด ที่มีให้เลือกเยอะมาก เฉพาะที่มีขายในไทยมีกว่า 200 รุ่นแล้ว ไหนจะมีทั้งแบบฝาบน ฝาหน้าอีก จึงไม่แปลกที่หลายคนจะเริ่มต้นไม่ถูก ว่าก่อนซื้อจะต้องดูอะไรบ้าง วันนี้เราเลยขอมาแนะนำวิธีเลือกเครื่องซักผ้าเครื่องใหม่ให้ถูกใจคนใช้งานกันมากที่สุด ดังนี้

  1. สำรวจพฤติกรรมการใช้ ซักจำนวนเยอะแค่ไหน ซักบ่อยแค่ไหน?
    เพราะเครื่องซักผ้าแต่ละประเภท แต่ละขนาดนั้น ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับลักษณะการใช้ที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเลือกซื้อโดยไม่คำนึงในจุดนี้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น ซักผ้าไม่สะอาดเพราะจำนวนผ้าเยอะเกินไป ผ้าขาดตอนซัก ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นจากการที่เครื่องทำงานหนัก หรือการลดอายุการใช้งานของตัวเครื่องโดยไม่รู้ตัว
  • ตำแหน่ง และขนาดพื้นที่ติดตั้ง
    ก่อนทำการซื้อต้องคิดถึงเรื่องตำแหน่งและพื้นที่ในการติดตั้งสักหน่อย เนื่องจากบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ตลกร้าย เช่น เอาเครื่องเข้าประตูห้องไม่ได้ หรือไม่สามารถต่อท่อน้ำได้ เพราะด้วยพื้นฐานการใช้งานที่จำเป็นต้องใส่น้ำเข้าและทิ้งน้ำออก เป็นต้น ดังนั้นการหาพื้นที่ๆ เหมาะสมและวัดขนาดพื้นที่จึงเป็นเรื่องที่ต้องดูก่อนไปซื้อ

  • เลือกขนาดความจุตัวเครื่องตามน้ำหนักผ้าที่ซัก

ตัวเลขที่มีหน่วยเป็น “กิโลกรัม” บนเครื่องซักผ้า เช่น 8kg. 10kg. 15kg. หมายถึง น้ำหนักมากที่สุดของผ้าที่เครื่องรับไหว และสามารถซักได้สะอาด มีประสิทธิภาพดีที่สุดต่อการซัก 1 ครั้ง โดยไม่ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักมากเกินไป ยิ่งตัวเลขมากเท่าไหร่ ตัวเครื่องยิ่งมีขนาดใหญ่ และยิ่งใส่ผ้าได้จำนวนเยอะขึ้น ซึ่งถ้าเราเลือกความจุไม่พอดี ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาได้หลายอย่าง เช่น ผ้าไม่สะอาด กินพื้นที่ใช้สอยในบ้าน และกินไฟเกินควร เป็นต้น

  • เลือกประเภทเครื่องตามลักษณะการใช้ เปรียบเทียบฝาบน-ฝาหน้า
    จริงอยู่ว่าเครื่องประเภทไหนก็ใช้ซักผ้าได้หมด แต่ซักได้ดีไม่เท่ากัน โดยปกติประเภทของเครื่องซักผ้าจะถูกแบ่งตามตำแหน่งของฝาตัวเครื่อง ได้แก่ เครื่องซักผ้าฝาหน้า และเครื่องซักผ้าฝาบน ซึ่งทั้งสองชนิดมีข้อดีแตกต่างกัน เช่น ราคาชนิดฝาบนถูกกว่าฝาหน้า ความเร็วในการซักชนิดฝาบนใช้เวลาน้อยกว่าฝาหน้า ส่วนเรื่องความสะอาดและการถนอมผ้า ชนิดฝาหน้าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าฝาบน ทั้งยังมีโหมดการใช้งานหรือฟังก์ชั่นเสริมที่มากกว่า เป็นต้น ให้ลองพิจารณาและเลือกชนิดที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

              สุดท้าย หากต้องการได้เครื่องซักผ้าที่ประหยัดไฟ ก็ควรเลือกใช้เครื่องที่เป็นระบบมอเตอร์แบบ อินเวอร์เตอร์ (Inverter) ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

แต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ

             ห้องนอน นับเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลากับมันมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน เพราะต้องใช้นอนทุกวัน ฉะนั้นการมีห้องนอนที่สวยงามน่านอน ย่อมดีกว่าห้องนอนเน่าๆ โทรมๆ เป็นไหนๆ แต่ใครก็รู้ดีว่า การจะตกแต่งห้องให้สวยงามน่านอนได้นั้น จะต้องใช้งบประมาณไม่น้อยเลย จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหยิบเอาข้าวของง่ายๆ ใกล้ตัว มาเป็นไอเท็มเสริม

ช่วยแต่งเติมให้ห้องนอนแสนรักมีบรรยากาศน่านอนยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองงบประมาณมากมาย นอกจากนี้ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้เป็นเจ้าของห้องได้ดีอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียตกแต่งห้องนอนอยู่ วันนี้เรามีไอเดียแต่งห้องนอนแบบประหงัดงบมาแนะนำ

เตียงนอนจากไม้พาเลท
ไอเดียนี้นับว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างมาก คือการนำลังใส่สินค้าหรือไม้พาเลทเหลือใช้ มาวางเป็นแท่นสำหรับเตียงนอนแบบเรียบง่ายโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นำมาวางต่อกันก็กลายเป็นเตียงดีไซน์สุดชิคได้แล้ว ส่วนบริเวณหัวเตียงก็สามารถนำลังไม้เก่ามาดัดแปลงเป็นชั้นวางของแนวๆ ได้อีกด้วย รับรองว่าเก๋ไม่ซ้ำใครแน่นอน

เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นและเรียบง่าย
เมื่อต้องการจะตกแต่งห้องนอนให้น่านอนแบบประหยัดงบ ก็ควรตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เท่าที่จำเป็น แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ครบครัน อย่างเช่นการวางฟูกนอนกับพื้น ส่วนบริเวณผนังหัวเตียงทำเป็นขอบยื่นออกมา สำหรับใช้วางของใช้และของตั้งโชว์ เพิ่มเติมด้วยการเลือกชั้นไม้ราคาประหยัดมาใช้เป็นโต๊ะข้างเตียง เท่านี้ก็ช่วยให้บรรยากาศในห้องนอนดูสวยแบบเรียบง่าย เป็นกันเอง แถมยังน่านอนสุดๆ แล้ว

ตะแกรงเหล็กหัวเตียง
หากห้องนอนของใครรู้สึกว่าพื้นที่บริเวณหัวเตียงดูโล่งเกินไป ลองมาเพิ่มความโดดเด่นด้วยตะแกรงเหล็กในลุคอินดัสเทรียลกันสักหน่อยดีกว่า โดยการนำตะแกรงเหล็กมายึดกับผนังด้านหัวเตียง จากนั้นก็นำแผ่นไม้เหลือใช้มาติดไว้ในบางช่อง เพื่อเป็นการสร้างลูกเล่นให้ห้องนอนมีมิติ ไม่น่าเบื่อ

หมอนอิงสวยๆ ช่วยได้
อีกหนึ่งวิธีสุดง่าย และเรียกได้ว่าประหยัดงบในกระเป๋าได้มากที่สุด นั่นก็คือการเลือกหมอนอิงเก๋ๆ มาใช้ในการตกแต่งให้ห้องนอนจืดๆ ดูมีสีสันขึ้นได้แบบทันตา หรืออาจเลือกใช้เป็นหมอนดีไซน์แปลกๆ ก็ได้ แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันได้เลย

                 ใครที่รู้สึกว่าตัวเองงบน้อย แต่อยากตกแต่งห้องนอนให้สวยแปลกตา และน่านอนในแบบที่ไม่เหมือนใคร ในราคาที่สามารถจ่ายได้แบบสบายกระเป๋า ก็อย่าลืมนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้กับห้องนอนของตัวเองกันดูนะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

“กาต้มน้ำร้อน” เลือกอย่างไรปลอดภัยที่สุด?

              กาต้มน้ำร้อน คือเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านที่จะช่วยให้เราได้น้ำร้อนสำหรับชงเครื่องดื่มเมนูโปรด แถมยังใช้อุ่นชา หรือยาจีนเอาไว้จิบได้ตลอดวันอีกด้วย          

           ปกติแล้วกาน้ำร้อนที่ใช้ในบ้านจะมี 2 แบบด้วยกัน คือแบบที่ต้องใช้ความร้อนจากเตา และแบบกาไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย ซึ่งในปัจจุบันเราอาจไม่ค่อยได้เห็นกาน้ำแบบแรกกันเท่าไหร่นัก เพราะทุกวันนี้กาไฟฟ้าได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากใช้งานง่าย ขนาดกะทัดรัด อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงด้วย โดยกาไฟฟ้าจะทำมาจากวัสดุหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการออกแบบและดีไซน์ของแต่ละยี่ห้อ ดังนี้

  • โลหะ
    โลหะคุณภาพสูง เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นกาต้มน้ำไฟฟ้า เพราะมีความแข็งแรง ทนต่อความร้อนสูง เหมาะในการนำมาทำเป็นวัสดุหุ้มด้านนอกของตัวกา นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำเป็นฐานรองตัวกาด้วย
  • พลาสติก
    พลาสติกที่เป็นโพลิเมอร์เรซินอย่าง Polypropylene (PP) และ Polyethylene (LLDPE) ซึ่งมีจุดหลอมเหลวสูง สามารถทนความร้อนได้ดี มักจะนำมาใช้คู่กับโลหะในการทำฐานตัวกา หรือนำมาทำเป็นส่วนด้านบนของตัวกา ฝาปิดพวยกาหรือด้ามจับกา ส่วนกาบางรุ่นที่มีราคาถูก ก็อาจจะนำพลาสติกมาทำเป็นตัวเคลือบด้านนอกตัวกาแทนการใช้โลหะคุณภาพสูงได้
  • แก้ว
    กาต้มน้ำร้อนบางยี่ห้อ มีการออกแบบโดยใช้แก้วมาทำเป็นตัวกา โดยแก้วที่นำมาใช้จะเป็นแก้วที่ทนความร้อนสูงมาก อีกทั้งยังทำให้มีความสวยงามและโดดเด่น
  • ยาง
    ยางก็ถูกนำมาใช้ในการทำกาสำหรับต้มน้ำเช่นเดียวกัน โดยยางจะนำมาใช้ประกอบฐานรองตัวกา เพื่อป้องกันให้พื้นผิววัสดุที่สัมผัสกับตัวกาไม่ถูกทำลายโดยความร้อนที่ออกมาจากตัวการะหว่างที่กำลังทำงาน

             วัสดุที่นำมาใช้ทำกาต้มน้ำนั้นมีอยู่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละแบรนด์ ยิ่งมีราคาแพงเท่าไหร่ คุณภาพของวัสดุที่นำมาทำก็จะยิ่งมีคุณภาพสูงมากเท่านั้น กาไฟฟ้าราคาปานกลาง ก็อาจจะใช้วัสดุอลูมิเนียม ซึ่งก็สามารถสร้างภาพลักษณ์หรูหรา เมื่อถูกวางโชว์อยู่ในห้องครัวได้ไม่ต่างกับโลหะชนิดอื่น สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกกาไฟฟ้าสำหรับต้มน้ำก็คือระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่า โดยควรเลือกกาที่มีระบบทำความร้อนที่สามารถปิดได้เองอัตโนมัติ เมื่อน้ำในกาเริ่มร้อนและระเหยจนแห้งติดก้นกา นอกจากนี้ก็ควรเลือกกาไฟฟ้าที่มีสายไฟและปลั๊กแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน พร้อมทั้งมีการประกันคุณภาพการใช้งานจากยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียแต่งบ้านแบบแหกกฏ

                ศาสตร์แต่ละแขนงล้วนมีกฏไว้ให้ปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่เสมอไปสำหรับไอเดียแต่งบ้าน เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำตามทฤษฎีก็ได้ เนื่องจากเรื่องความสวยความงาม คงไม่มีทฤษฎีไหนมาอธิบายได้แบบตายตัว หากเราไม่ทำตามจึงไม่ถือว่าผิด และอาจสร้างความแปลกใหม่ให้บ้านของเราได้ด้วย ลองมาดูไอเดียการตกแต่งต่อไปนี้ ที่แม้ไม่ทำตามกฏ ก็สามารถทำให้บ้านดูสนุกและสวยงามแบบไม่ซ้ำใครได้

  1. ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แบบเดียวกันทั้งห้องก็สวยได้
    การใช้ไม้แบบเดียวกันสีเดียวกันทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นงานบิลท์อิน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว พื้น และเพดาน แม้มันจะทำให้ภาพรวมดูสวยน่าอยู่ แต่ก็ทำให้ห้องดูคับแคบและอึดอัด เทคนิคการตกแต่งที่อยากแนะนำคือ การเลือกสีของไม้ให้ต่างกัน แต่ควรมีความกลมกลืนกัน เช่น งานบิลท์อินใช้ไม้สีโทนเหลือง เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวใช้ไม้โอ๊ก ส่วนพื้นก็อาจจะใช้ไม้เมเปิ้ล เป็นต้น
  • เฟอร์นิเจอร์ไม่เข้าชุดกันก็ดูดีได้
    เฟอร์นิเจอร์แบบเข้าชุด ได้รับอิทธิพลมาจากงานตกแต่งสไตล์คลาสสิกของยุโรป ซึ่งให้อารมณ์ความหรูหรา เป็นทางการ แต่คงไม่เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการความรู้สึกผ่อนคลาย เราสามารถจับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นมาแยกกัน เช่น เลือกโซฟาที่มีลวดลาย มาวางสลับกับเก้าอี้คนละสไตล์ ก็จะช่วยทำให้ห้องดูสวยเก๋ และสร้างเสน่ห์ได้อีกมาก
  • สีดำ ใครว่าไม่น่าใช้
    สีดำเป็นสีที่ดูเรียบเท่ แต่มักจะถูกห้ามนำมาใช้กับผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้ห้องดูทึบ ร้อน และถ้าเกิดรอยเปื้อนจะเห็นชัด อย่างไรก็ตามหากเราใช้สีนี้เป็น ก็จะทำให้ห้องดูเท่ไม่ซ้ำใคร ลองจับคู่สีดำกับสีอื่น เช่น แดง หรือใช้ลวดลายสวยๆ มาเป็นองค์ประกอบร่วม ก็จะทำให้ห้องสีดำยิ่งดูเท่และน่าค้นหามากๆ
  • แชนเดอเลียร์ไม่ต้องใหญ่อลังการก็สวยเวอร์ได้

ขนาดและสไตล์ของแชนเดอเลียร์ มีผลต่อภาพรวมของห้อง จึงควรเลือกขนาดของแชนเดอเลียร์ให้พอเหมาะกับความสูงและขนาดของห้อง หากใช้บริเวณโถงกลางของบ้าน ระดับจากพื้นถึงแชนเดอเลียร์ประมาณ 2 เมตร นับว่ากำลังดี ส่วนบนโต๊ะอาหาร ควรใช้ดวงที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสามของความกว้างของโต๊ะ และสูงจากท็อปโต๊ะประมาณ 90 เซนติเมตร สำหรับเรื่องสไตล์ หากบ้านตกแต่งในสไตล์คลาสสิก ไม่จำเป็นต้องเลือกโคมไฟระย้าแบบคลาสสิกก็ได้ ลองเลือกที่เป็นสไตล์คอนเทมโพรารี ซึ่งมีรายละเอียดไม่มาก ไม่ดูอลังการ แต่ก็ทำให้ห้องดูเก๋ และมีสไตล์เป็นของตัวเองได้

             ใครที่เป็นนักแหกกฏอยู่แล้ว ลองนำตัวอย่างการตกแต่งบ้านทั้งหมดนี้ ไปทำตามกันดูได้นะ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com 

FB : คนรักบ้าน 

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เครื่องฟอกอากาศ

เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

                  เครื่องฟอกอากาศ คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยกรองสิ่งแปลกปลอมในอากาศ อย่างฝุ่นควัน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งในช่วงหลังๆ มานี้ เครื่องฟอกอากาศได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เป็นผลมาจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ หลายคนจึงเกิดความกังวล และมองหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ เพื่อปกป้องตนเองและคนในครอบครัว

ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ

  • ช่วยลดภาวะปนเปื้อนในอากาศ
    จากผลสำรวจพบว่า อากาศที่อยู่ในบ้านเรามีความสกปรกกว่าอากาศด้านนอกถึง 2 – 5 เท่า และส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างฝุ่น PM 2.5 ที่เล็กกว่าเส้นผมถึง 25 เท่า, ละอองเกสร และเชื้อโรค ดังนั้นการมีเครื่องฟอกอากาศในบ้าน จะทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยจากสิ่งปนเปื้อนในอากาศมากขึ้น
  • ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
    ในเครื่องฟอกบางประเภท จะใช้แผ่นกรองที่สามารถดักจับ และขจัดกลิ่นแปลกปลอมในอากาศ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นสัตว์เลี้ยง กลิ่นอาหาร หรือกลิ่นสารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น เรซิน แลคเกอร์ หรือ น้ำยาทาเล็บ ได้

  • ลดสารก่อภูมิแพ้
    ใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบ หืด ที่มีสาเหตุมาจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชั่นกรองสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสร สารในขนสัตว์เลี้ยง ฝุ่น ฯลฯ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงอาการกำเริบได้

วิธีการซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน

  1. ฟังก์ชั่นการใช้งาน

เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นนั้น มีความเหมาะสมต่อการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรตอบให้ได้ก่อนก็คือ เราต้องการจะซื้อมาเพื่ออะไร เช่น ป้องกันฝุ่น กำจัดกลิ่น ฆ่าเชื้อโรค ฯลฯ นอกจากนี้ในเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ๆ ก็ได้เพิ่มฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ ให้ทำอะไรได้มากกว่าเก่า และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น ฟีเจอร์ดักจับยุง หรือฟีเจอร์เชื่อมต่อและควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น เป็นต้น

  • ขนาดพื้นที่ห้อง

สิ่งสำคัญอันดับต่อมาคือเรื่องขนาดห้อง เพราะหากห้องที่จะนำเครื่องไปติดตั้งมีพื้นที่มากกว่าสเปคที่ตัวเครื่องรองรับ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศทำงานได้ไม่เต็มที่

  • งบประมาณ

เครื่องฟอกอากาศที่วางขายในบ้านเรา มีราคาตั้งแต่สามพันบาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท แต่ก็ใช่ว่าซื้อเครื่องแล้วจะใช้ได้ตลอดกาล เนื่องจาก “แผ่นกรองอากาศ” เป็นสิ่งมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อมันเสื่อมจะต้องซื้อใหม่

  • กำลังไฟ/การประหยัดไฟ

เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป การเลือกซื้อจะต้องคำนึงถึงกำลังไฟฟ้าที่จะส่งผลต่อค่าไฟ ยิ่งมีจำนวนวัตต์มาก ก็จะยิ่งกินไฟมาก ไม่ต้องถึงกับต้องมีป้ายประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะกำลังไฟของเครื่องฟอกอากาศ จะอยู่ราว ๆ 29 – 50 วัตต์ พอๆ กับพัดลมตั้งโต๊ะ และบางรุ่นจะมีโหมดประหยัดพลังงานมาให้ด้วย

               นอกจากปัจจัยทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้ว อย่าลืมดูเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดีด้วย เพราะจะทำให้ส่งเคลมได้รวดเร็ว โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ จะมีศูนย์ซ่อมค่อนข้างเยอะคอยอำนวยความสะดวกกรณีเกิดปัญหาได้เป็นอย่างดี

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com 

FB : คนรักบ้าน 

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ไอเดียของแต่งบ้านจาก “สปริงที่นอน”

                ใครมีที่นอนเก่า ที่ใช้งานมานานจนสปริงเริ่มเสื่อม นอนๆ ไปมันชักจะไม่เด้งดึ๋งเหมือนเดิมแล้ว หรือจะพูดว่าเริ่มหมดสภาพการใช้งานก็ว่าได้ จะทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดาย เพราะซื้อมาก็ตั้งแพง วันนี้เราเลยมีไอเดียเปลี่ยนสปริงใต้ที่นอนเก่า ให้กลายเป็นของแต่งบ้านชิ้นใหม่ ที่เห็นแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่า ของเหล่านี้ทำจากมาจากสปริงใต้ที่นอนเก่าๆ ของเรานี่เอง จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย

แชนเดอเลียเอาท์ดอร์หรูๆ          

เมื่อเลิกใช้ที่นอนเก่าแล้ว เราสามารถถอดสปริงใต้ที่นอนมาทำอะไรได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการนำมาตกแต่งไฟเพื่อทำเป็นแชนเดอเลียบริเวณพื้นที่เอาท์ดอร์ โดยอาจนำเถาองุ่นเทียม และไฟกระพริบมาประดับเพิ่มความโรแมนติกด้วยก็ได้ เมื่อเปิดไฟ แชนเดอเลียช่อนี้ก็จะเปล่งแสงวิบวับ สวยงามน่ามองเป็นที่สุด

ที่ปลูกต้นไม้เท่ๆ
ของเก่าทุกชิ้นถ้าเรายังเห็นคุณค่า ก็สามารถที่จะทำมันให้กลับมามีชีวิตขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสปริงใต้ที่นอนของเรา เพียงแค่นำมันมาทาสีให้สวยตามใจชอบ จากนั้นก็นำกระถางต้นไม้เล็กๆ ไปใส่ไว้ตามช่องต่างๆ ของสปริง หรือจะปลูกต้นไม้โดยใช้กาบมะพร้าวหุ้มต้นไม้ แล้วจับเสียบลงไปในแต่ละช่องของขดสปริงเลยก็ได้

ที่เก็บขวดไวน์เก๋ๆ

ด้วยรูปทรงและขนาดของขดสปริงใต้ที่นอน ที่เป็นรูปแบบที่เหมาะสม และขนาดกำลังดีสำหรับการวางขวดเครื่องดื่ม จึงเหมาะที่จะทำเป็นที่เก็บขวดไวน์มากที่สุด เพียงแค่เราถอดสปริง และนำมาติดกับไม้เก่าเคลือบแลคเกอร์ เท่านี้ก็จะได้ที่เก็บขวดไวน์ติดผนังเก๋ๆ แล้ว

ที่เสียบจดหมายชิคๆ

นอกจากนี้ ด้วยรูปทรงของขดสปริงดังกล่าว เรายังสามารถนำมาดัดแปลง ทำเป็นที่เสียบซองจดหมาย นามบัตร หรือการ์ดใบเล็กๆ แล้วนำมาตั้งประดับไว้บนโต๊ะทำงานได้ด้วยเช่นกัน

ที่วางดอกไม้คูลๆ

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ เรายังสามารถสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงสไตล์อบอุ่น ด้วยการประดับช่อดอกไม้เล็กๆ บนโต๊ะอาหาร และนำขดสปริงจากที่นอนเก่า มาทำเป็นที่วางดอกไม้ได้เหล่านี้ได้ นอกจากช่วยให้ประหยัดแล้ว ยังสวยงามน่ามองไม่แพ้แจกันแพงๆ ด้วยนะ

              ทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงไอเดียบางส่วนเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วเรายังสามารถนำขดสปริงจากที่นอนเก่ามาใช้ทำประโยชน์ได้อีกมากมาย คราวหน้าคราวหลังก่อนจะทิ้งที่นอนเก่า ก็อย่าลืมแกะเอาขดลวดสปริงออกมาก่อนล่ะ จะได้ไม่ต้องทิ้งไปให้เสียของ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

“หม้อทอดไร้น้ำมัน” ทำอาหารให้ Healthy

               การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้น อาหารการกินนับเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งการที่เราจะสามารถกินอาหารให้มีสุขภาพดีได้ ก็สามารถเริ่มได้ง่ายๆ ได้ที่บ้านของเราเอง และ หม้อทอดไร้น้ำมัน ก็ถือเป็นไอเทมเด็ด ที่จะช่วยให้เราสามารถทำอาหารเพื่อสุขภาพได้

หม้อทอดไร้น้ำมันคืออะไร?

           หม้อทอดไร้น้ำมัน มีหน้าตาคล้ายหม้อต้มกาแฟ แต่มีถาดวางอาหารดิบอยู่ภายใน เมื่อเปิดใช้งาน ตัวหม้อก็จะทำให้อาหารสุกโดยมีสภาพเหมือนกับการทอดด้วยกระทะน้ำมัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว แต่อาศัยการเป่าลมร้อนอุณหภูมิสูงเพื่อทำให้อาหารสุกคล้ายของทอดนั่นเอง จึงทำให้อาหารที่ได้มีความ Healthy เพราะไม่ได้ใช้น้ำมันเลย

วิธีการเลือกหม้อทอดไร้น้ำมัน ให้ได้ของดีมีคุณภาพ

  1. เลือกชนิดของหม้อให้เหมาะกับการใช้งาน

หม้อทอดไร้น้ำมันมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ หม้อทอดไร้น้ำมันแบบใบพาย (Paddle-type Air Fryer) หม้อทอดไร้น้ำมันแบบฮาโลเจน (Halogen Air Fryer) และ หม้อทอดไร้น้ำมันแบบตะกร้า หรือแบบลิ้นชัก (Basket-type Air Fryer)  โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติดังนี้

  • แบบใบพาย (Paddle-type Air Fryer) เป็นหม้อทอดแบบที่มีใบพายมาด้วย ซึ่งใบพายจะเป็นตัวช่วยกระจายความร้อนให้อาหารสุกได้ทั่วถึง โดยที่เราไม่ต้องคอยพลิกกลับอาหาร จึงสะดวกเวลาใช้งาน และหน้าตาอาหารออกมาสวยงามน่ากิน เพราะจะได้สีของอาหารที่สม่ำเสมอกัน แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหม้อทอดแบบอื่นๆ
  • แบบฮาโลเจน (Halogen Air Fryer) เป็นหม้อทอดที่อาศัยความร้อนจากหลอดฮาโลเจน ความร้อนจะไหลผ่านอาหาร ซึ่งปกติหม้อทอดแบบนี้จะมีตะแกรง 1 ชั้นเพื่อรองอาหาร ความร้อนจะทำให้อาหารสุกทั่วถึง และข้อดีคือตัวหม้อทอดจะเป็นแก้วใส สามารถสังเกตอาหารได้ว่าสุกหรือยัง โดยที่ไม่ต้องคอยเปิด
  • แบบตะกร้า หรือแบบลิ้นชัก (Basket-type Air Fryer) หม้อทอดแบบถอดออกได้ ในรูปแบบของตะกร้า หรือลิ้นชัก มีหลักการทำงานคือความร้อนจะไหลผ่านอาหารลงสู่ด้านล่าง โดยตะแกรงจะเป็นตัวกรองน้ำมันส่วนเกินออกจากอาหาร และมีถาดรองอยู่ด้านล่าง เหมาะสำหรับคนชอบอาหารคลีน แต่ข้อเสียคือ จะต้องคอยพลิกอาหารให้สุกเท่ากัน หม้อทอดแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะราคาไม่สูงมาก
  • เลือกความจุให้เหมาะสมกับการใช้งาน

หม้อทอดไร้น้ำมันมีหลายขนาด ตั้งแต่ 2, 3, 4 และ 5 ลิตร การเลือกจึงขึ้นอยู่กับชนิดของอาหาร หากทำอาหารจานใหญ่ๆ เช่น อบไก่ทั้งตัว ก็ควรเลือกไซส์ใหญ่กว่าปกติ เช่น 4 ลิตร ขึ้นไป

            คนรักสุขภาพที่ยังไม่มีหม้อทอดไร้น้ำมันติดครัวไว้ ควรต้องรีบหามาใช้งานกันได้แล้วนะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

ตกแต่งบ้านให้มีมิติ ด้วยไม้ระแนง

                 หากพูดถึง ไม้ระแนง หลายคนมักนึกถึงบ้านยุคเก่า ที่นิยมติดตั้งระแนงในส่วนของช่องลมห้องครัว เพื่อระบายกลิ่นและควัน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้เห็นการแต่งบ้านด้วยระแนงในส่วนอื่นๆ กันมากขึ้น ทั้งยังถูกนำมาประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม้ระแนงมีเอกลักษณ์บางอย่าง ที่สร้างสุนทรียภาพให้กับบ้านได้ พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • รั้วบ้าน
    รั้วบ้านเป็นส่วนบ่งบอกขอบเขต และสร้างความปลอดภัยให้บริเวณบ้าน เราสามารถหยิบไม้ระแนงมาประยุกต์ใช้กับงานรั้วได้ดี เพราะมีความโปร่ง รับแสง รับลม และสร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เพื่อนบ้านมองเข้ามาเห็นภายในบ้านได้มากเกินไป ทั้งยังทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง ส่วนการวางระยะห่างของไม้แต่ละชิ้น ก็สามารถเลือกได้ตาต้องการ ซึ่งหากตีระยะห่างจะเปิดบ้านให้ดูโปร่งโล่งกว่าการตีชิด

รูปที่ 2

  • หลังคาโรงรถ / หลังคาระเบียง
    หลังคาโรงรถ และหลังคาระเบียงบ้าน ควรเป็นส่วนที่มีความปลอดโปร่ง ไม่ทึบเกินไป ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้ไม้ระแนงคู่กับกระจกกันแสง หรือแผ่นโปร่งแสงที่ช่วยกันร้อน แต่ยังรับแสงจากธรรมชาติได้ ทำให้พื้นที่ภายใต้หลังคาไม่มืดทึบหรืออึดอัด สำหรับหลังคาระเบียง อาจทำเป็นซุ้มระแนงปลูกไม้เลื้อย เป็นการเพิ่มความสดชื่นไปในเวลาเดียวกันได้
  • ที่บังแดด 
    ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน คงจะดีหากเราศึกษาเรื่องทิศทางของแสงและลม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ทั้งเรื่องช่องทางระบายอากาศ หรือการติดตั้งระแนงบังแดดในด้านที่ต้องรับแสงมากกว่าทิศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดได้ในระยะยาว ทั้งช่วยลดความร้อนอบอ้าว และการประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
  • พาร์ทิชันกั้นห้อง
    บางมุมของบ้านที่ต้องการแบ่งสรรสัดส่วนการใช้งานออกจากกัน แต่ยังต้องการให้สามารถมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ไม่ถูกตัดขาดเหมือนการกั้นด้วยผนังก่อทึบ เช่น ห้องรับแขกกับห้องครัว หรือ ห้องนอนกับโซนแต่งตัว การใช้พาร์ทิชันไม้ระแนง นับเป็นหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ได้ดี และทำให้บ้านไม่ดูแคบลงด้วย

              สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุไม้ ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ทำระแนง ไม่ได้มีเฉพาะที่ทำจากไม้จริงเท่านั้น ยังมีวัสดุสังเคราะห์ อย่างพวกไฟเบอร์ซีเมนต์ ไวนิล และพลาสติกผสมใยไม้ เพื่อรองรับกับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย และทนทาน ทั้งยังสามารถใช้งานภายนอกได้ดีกว่าไม้จริง ในราคาที่ถูกกว่า และไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยากอีกด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

องค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่

                การจะจัดและตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่อาศัยได้นั้น จะต้องจัดองค์ประกอบทุกส่วนของบ้านทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งบริเวณบ้าน ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมตามสภาพของบ้าน และประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงงบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัด และคุ้มค่า ซึ่งองค์ประกอบเบื้องต้นในการตกแต่งบ้านให้สวยงาม มีดังต่อไปนี้

  1. ความเป็นสัดส่วน
    ความสมดุลของการตกแต่งบ้าน ขึ้นอยู่กับการจัดของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ ให้คงความเป็นสัดส่วนกับเนื้อที่ของบ้าน โดยจำเป็นต้องกำหนดโซนของพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม เช่น ส่วนไหนเป็นจุดรับแขก ส่วนไหนเป็นมุมส่วนตัว ซึ่งหากไม่มีความเป็นสัดส่วน บ้านก็จะไม่น่าอยู่ และการตกแต่งบ้านให้เป็นสัดส่วน จะช่วยให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น เป็นระเบียบ และยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
  • แสงและสี
    ความสำคัญของแสงและสี จะช่วยให้การตกแต่งบ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดย แสง หมายถึงการควมคุมแสงสว่างภายในบ้านให้เหมาะสม ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน การวางจุดของหน้าต่าง การเลือกรับแสงยามเช้าหรือบ่ายจากดวงอาทิตย์ เช่น การใช้ม่านปรับแสง ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับบ้าน ส่วน สี มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก เช่น กลุ่มสีโทนร้อน และกลุ่มสีโทนเย็น จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน นอกจากนี้ สียังบ่งบอกถึงยุคสมัยของการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
  • ประเภทวัสดุ
    ในปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งบ้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ การจะเลือกวัสดุใดมาใช้งาน จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการตกแต่งบ้าน ซึ่งควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามรูปแบบของการตกแต่งโดยรวม เช่น หากโต๊ะเป็นไม้ ก็ไม่ควรใช้เก้าอี้เป็นพลาสติก เพราะจะทำให้ดูไม่เข้ากัน
  • สร้างจุดสนใจ
    ในการตกแต่งบ้าน ควรต้องมีการสร้างจุดสนใจ โดยอาจนำสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้านมาใช้ในการตกแต่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ของรักของหวง ของหายาก หรือรางวัลที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะพบเห็นได้ทั่วไป อย่างตู้โชว์ของสะสมต่างๆ หรือแม้กระทั่งของตกแต่งแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นตาคนทั่วไป สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถนำมาสร้างเป็นจุดสนใจได้ทั้งสิ้น

              ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงองค์ประกอบเบื้องต้นที่จะทำให้การตกแต่งบ้านดูสวยงามน่าอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่แตกต่างออกไปตามรูปแบบบ้าน รวมทั้งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมและกาลเวลาด้วย

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ VS โน๊ตบุ๊ค …. แบบไหนน่าใช้กว่ากัน

                 คำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอ เมื่อหลายคนกำลังสนใจมองหาคอมพิวเตอร์ไว้ใช้งานสักเครื่องก็คือ จะเลือกซื้อคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หรือ Notebook ดี? บ้างก็มองว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแรงกว่า บ้างก็มองว่า Notebook สะดวกกว่า สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจและติดตามข่าวสารอุปกรณ์ไอทีอยู่ตลอด ถือว่าเสี่ยงไม่น้อยที่จะซื้อคอมพิวเตอร์ที่ไม่ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเอง ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ จึงควรสรุปความต้องการของตัวเองก่อน แล้วจึงมองหาคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติตรงใจที่สุด

ความแตกต่างระหว่าง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ กับ Notebook’
           แม้จะมีเทคโนโลยีเดียวกัน และมีอุปกรณ์หลายๆ อย่างที่ใช้งานร่วมกันได้ แต่คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ กับNotebook ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่าง ทั้งลักษณะการใช้งาน คุณสมบัติ และราคา ซึ่งความแตกต่างกันเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทั้งสิ้น ซึ่งข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ

  • หน่วยประมวลผล
    เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั้ง 2 แบบแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยหน่วยประมวลผลหรือ CPU ของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจะเร็วและแรงกว่า Notebook มาก เพราะใช้พลังงานโดยตรงจากแหล่งจ่ายไฟ แต่กับ Notebook จะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หากใช้พลังงานสิ้นเปลืองแบตก็จะหมดเร็ว และเกิดความร้อนสะสมในเครื่องมาก ด้วยข้อจำกัดเช่นนี้ CPU ใน Notebook จึงมักจะเป็นแบบประหยัดพลังงาน แต่ถึงจะไม่แรงเท่าคอมฯ ตั้งโต๊ะ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เหมาะกับการทำงานหนักๆ ได้ เพราะทุกวันนี้สามารถเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ใช้ในงานตัดต่อรูปและวิดีโอได้ไม่ต่างจากคอมฯ ตั้งโต๊ะ เพียงแต่อาจจะใช้เวลานานกว่า ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับงานที่เร่งรีบ
  • การอัพเกรด
    หากเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ผู้ใช้สามารถสนุกกับการอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ และโมดิฟายคอมพิวเตอร์ตัวเก่าได้แทบทุกชิ้นส่วน ไม่ว่าจะอยากให้เครื่องมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนก็สามารถเพิ่มเติมภายหลังได้เรื่อยๆ แต่กับ Notebook นั้นไม่เหมือนกัน เพราะอุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นระบบปิด จึงไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์อื่นใด นอกจาก Ram, Storage Drive และ Disk Drive หากต้องการ Notebook ที่เร็วแรง จะต้องซื้อเครื่องที่มีคุณสมบัติสูงตั้งแต่แรก

สรุปแล้วคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ กับ Notebook แบบไหนดีกว่ากัน
             ก็คงบอกได้เพียงว่า ทั้ง 2 แบบต่างมีข้อดีด้วยกันทั้งคู่ โดย Notebook ก็มีข้อดีตรงพกพาสะดวกสามารถนำติดตัวไปได้ในทุกที่ ส่วนคอมฯ ตั้งโต๊ะก็เหมาะกับการใช้งานหนักๆ มากกว่า หน้าจอมีภาษีกว่า เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้หน้าจอใหญ่โตแค่ไหนก็ได้ ซึ่งดีต่องานกราฟิกต่างๆ ในขณะที่ Notebook มีหน้าจอใหญ่สุดเพียง 17 นิ้วเท่านั้น หากต้องทำงานที่มีสเกลใหญ่ ก็อาจต้องซื้อหน้าจอเพิ่ม

            กล่าวโดยสรุปคือ คอมพิวเตอร์ทั้ง 2 แบบต่างก็มีข้อดีที่อีกแบบไม่มี จึงนำมาเปรียบเทียบหรือแทนที่กันไม่ได้ ฉะนั้นควรต้องเลือกว่า เครื่องแบบไหนตอบโจทย์การทำงานของเราได้มากกว่า

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เรื่องพลาดๆ ของการตกแต่งไฟในบ้าน

               หลายคนมักทำผิดพลาด เกี่ยวกับการตกแต่งแสงไฟในบ้าน เพราะเรื่องของไฟไม่ใช่แค่ให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดบรรยากาศในบ้านด้วย เรียกว่าถ้าอยากให้บ้านออกมาลุคไหน ก็ใช้ไฟเป็นตัวกำหนดได้เลย วันนี้เราได้รวบรวม ข้อผิดพลาดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องไฟในบ้านมาให้ดูกัน ลองไปเช็กกันดีกว่าว่าเราพลาดตรงไหนกันบ้าง จะได้แก้ไขทัน

  1. เน้นแสงไฟจากแหล่งเดียว         

แสงที่ดีควรต้องมีความหลากหลาย ดังนั้นอย่ายึดติดกับแสงแค่แหล่งเดียว เช่น ไฟเพดาน แต่ให้ผสมผสานความแตกต่างของแสงหลายๆ แหล่ง ทั้งจากเพดาน จากพื้น โคมไฟบนโต๊ะ และโคมไฟข้างเตียง เป็นต้น ซึ่งแสงที่สว่างลดหลั่นกันเหล่านี้ จะสร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

  • ไม่คำนึงถึงเรื่องวัตต์         

อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินความสว่างที่ต้องการในบ้าน แต่ควรใช้ความรู้เรื่องวัตต์เป็นตัวตัดสิน เช่น มุมที่ใช้อ่านหนังสือจะต้องการความสว่าง 75-100 วัตต์ ส่วนไฟเพดานห้องน้ำควรจะอยู่ที่ 75 วัตต์ เป็นต้น

  • ใช้แสงไฟสว่างจ้าเกินไป         

อย่าใช้ไฟที่สาดแสงแรงจนเกินไป เพราะจะให้ความรู้สึกกำลังถูกจับจ้องอยู่บนเวที ไม่ว่าจะห้องไหนๆ ในบ้าน เพราะแสงไฟไม่ควรทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือกังวล เหมือนกับกำลังอยู่บนเวทีอะไรซักอย่าง

  • ใช้ไฟเยอะเกินไป          

ควรใช้ไฟเท่าที่จำเป็น เพราะการติดตั้งไฟมากเกินไป อาจทำให้บรรยากาศในบ้านดูเหมือนงานวัด นอกจากนี้ควรเลือกชนิดของไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เช่น ห้องน้ำอาจต้องใช้ไฟเพดาน แต่หากติดไฟเพดานในห้องนั่งเล่น อาจทำให้บรรยากาศดูไร้มิติได้ 

  • ติดสวิตช์ไฟไว้ผิดที่         

สวิตช์ไฟก็ควรจะอยู่ใกล้กับประตูเข้า-ออกเท่านั้น โดยอย่าลืมคำนึงถึงความสูง หรือตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย โดยต้องพิจารณาร่วมกับเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของประดับบนผนังด้วย

  • ใช้แสงไฟแบบปรับความสว่างไม่ได้         

แสงไฟคือตัวสร้างบรรยากาศในบ้าน ดังนั้นควรติดตั้งไฟแบบที่ปรับความสว่างได้ เวลาต้องการความผ่อนคลายจะได้หรี่ไฟให้แสงนุ่มนวล แต่หากต้องการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสง ก็จะได้เร่งความสว่างได้ง่ายๆ

  • ไม่ติดไฟในตู้เสื้อผ้า
    นอกจากการติดไฟในห้องต่างๆ ภายในบ้านแล้ว ในตู้เสื้อผ้าก็ต้องการไฟเช่นกัน ดังนั้นอย่าละเลยที่จะติดไฟในตู้เสื้อผ้าด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในยามที่ต้องการจับคู่สีเสื้อผ้า หรือรื้อหาถุงเท้าที่สีดูคล้ายกันไปหมด

              อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่เผลอทำข้อไหนผิดพลาดไปบ้าง ก็อย่าลืมแก้ไขให้ถูกต้องกันนะ เพื่อบ้านที่สวยดูดี จะได้อยู่กับเราไปอีกนานๆ ยังไงล่ะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล

การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style) เป็นสไตล์ที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก เพราะมีกำเนิดมาจากมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรูปแบบของการตกแต่งบ้านหรือร้านค้า ให้ดูดิบๆ คล้ายกับโรงงาน โชว์ความงามของวัสดุ และโครงสร้างชัดเจน ตกแต่งออกมาคล้ายยังไม่เสร็จ เช่น ฉาบผนังแบบไม่เต็ม ผนังสีเก่าๆ คานปูนเดิมๆ อิฐแดงที่มีรอยแตก หรือไม่มีการฉาบ เป็นต้น

มีข้อสงสัยกันมากว่า การตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลนั้น แตกต่างกับสไตล์ลอฟท์อย่างไร คำตอบคือ ความแตกต่างอยู่ที่ “ความดิบและเก่า” โดยสไตล์ลอฟท์จะเน้นส่วนประกอบของเหล็กและปูนเปลือย แต่ยังคงมีความใหม่ของงาน ส่วนสไตล์อินดัสเทรียลนั้น จะมีความเก่าของงานตกแต่งมากกว่า และส่วนของเหล็กจะน้อยลง แต่จะถูกแทนที่ด้วยผนังปูนเก่าเข้ามา ทำให้มีพื้นที่ที่มากขึ้น ส่วนใครที่ยังนึกไม่ออกว่าการตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลมีหน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้เรามีตัวอย่างมาให้ชมกัน

ตัวอย่างแรก เป็นการตกแต่งห้องพักผ่อนที่เน้นเพดานสูงโปร่งสไตล์โรงงาน ที่มาพร้อมกับผนังอิฐเปลือยและระบบไฟฟ้าแบบลอฟท์ โดดเด่นด้วยชุดโซฟาแบบหนังสีน้ำตาลมันเงา และโต๊ะไม้ฐานเหล็ก เป็นการตกแต่งที่ดูเข้ากันดีและลงตัวเป็นอย่างมากสำหรับการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล

ตัวอย่างที่สอง เป็นการออกแบบให้ห้องมีความเก่าแบบโรงงาน ผนังตกแต่งด้วยหินแกรนิต ผสมกันกับบันไดเหล็ก เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวสไตล์โรงงาน และโซฟาแบบเตี้ย ทำให้ห้องนี้ดูสวยงามและได้กลิ่นอายของอินดัสเทรียลอย่างแท้จริง

ตัวอย่างที่สาม เป็นการตกแต่งด้วยผนังอิฐแดงทาสีขาวแบบไม่ตั้งใจ และพื้นปูนเปลือยขัดมัน บวกกับฐานเตียงนอนที่ประยุกต์มาจากไม้ลัง เป็นการตกแต่งที่เน้นความดิบแบบ 100% ทำให้สไตล์นี้ดูสวยและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง

และตัวอย่างสุดท้าย เป็นการตกแต่งที่นำชุดของเฟอร์นิเจอร์เหล็กมาตกแต่งร่วมด้วย ทำให้การตกแต่งในสไตล์นี้ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าการตกแต่งทั่วไปจะแสดงให้เห็นถึงสไตล์ได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่หากเรานำชุดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์นี้ผสมเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้การตกแต่งดูเพอร์เฟกต์


เป็นอย่างไรกันบ้าง กับตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจการตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล ซึ่งมีความดิบความเก่า แต่แฝงไปด้วยไอเดียคลาสสิก สามารถทำให้บ้านได้อารมณ์ที่เก๋ไปอีกแบบ สไตล์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเคียงคู่มากับสไตล์ลอฟท์เลยทีเดียว

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เลือกซื้อเตารีดใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง?

                เตารีด นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน ที่ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้ายับๆ ให้อยู่ในสภาพที่เรียบพร้อมใช้งานได้ สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะซื้อใหม่ และอยากได้เตารีดที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด มีหลายสิ่งที่ควรต้องดูให้ดีก่อนซื้อ ก่อนอื่นลองไปทำความรู้จักกับเตารีดเพิ่มเติมกันหน่อยดีกว่า

ประเภทของเตารีด
              โดยหลัก ๆ แล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการทำงาน ได้แก่ เตารีดแห้ง และเตารีดไอน้ำ

  1. เตารีดแห้ง ทำงานโดยใช้หลักการแปลงพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นความร้อน แล้วส่งผ่านไปยังหน้าเตาที่เป็นโลหะ เมื่อนำไปวางบนผ้า รอยยับจะคลายและกลายเป็นความเรียบนั่นเอง ในอดีตไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ หากร้อนเกินไปต้องถอดปลั๊กออก แต่ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาจนสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับเนื้อผ้าแต่ละชนิด ราคาไม่แพง ในการรีดจำเป็นต้องพรมน้ำ หรือฉีดน้ำยารีดลงไป เพื่อทำให้เส้นใยในผ้าเรียงตัว
  • เตารีดไอน้ำ
    เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากเตารีดแห้ง โดยการเพิ่มคุณสมบัติการพ่นไอน้ำ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรีด ไอน้ำที่ร้อนจะทะลุผ่านเส้นใยผ้า ทำให้ผ้าเรียบเร็ว ประหยัดแรง และประหยัดเวลากว่าแบบแห้ง จึงเหมาะมากกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ยิ่งไปกว่านั้นการมีไอน้ำช่วยหล่อเลี้ยง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการไหม้ของหน้าเตาได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ ถ้าทำความสะอาดไม่ดี หรือไม่ได้ใช้เวลานาน อาจจะมีคราบตะกรันจากน้ำออกมาสร้างรอยเปื้อนให้ผ้าได้ หรืออาจเกิดการอุดตันจนทำให้ตัวเครื่องเสียหายได้ด้วย

ควรซื้อแบบไหนดี

              ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ แนะนำว่าควรซื้อแบบเตารีดไอน้ำ เนื่องจากหากเราปิดฟังก์ชั่นพ่นไอน้ำ ก็สามารถใช้แทนเตารีดแบบแห้งได้ด้วย โดยมีสิ่งที่ควรดูเพิ่มเติมก่อนเลือกซื้อ ดังนี้

  1. กำลังไฟฟ้า
    ค่ากำลังไฟฟ้าที่แนะนำให้ใช้ภายในบ้าน กรณีรีดครั้งละไม่มากให้ร้อนไวกำลังพอดี ควรอยู่ที่ 1200 วัตต์ แต่สำหรับใครที่ต้องรีดครั้งละเยอะๆ แนะนำให้ใช้กำลังไฟ 2000 วัตต์ ขึ้นไป เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการรีด

  2. สารเคลือบหน้าเตา

หน้าเตารีดปัจจุบันมักถูกผลิตมาจากวัสดุที่มีสามารถถ่ายโอนความร้อนได้ดี เช่น สแตนเลส, ไทเทเนียม พร้อมเคลือบด้วยสาร Non-Stick ที่มีคุณสมบัติไม่ติดผ้า เช่น เทฟลอน อีนาเมล หรือเซรามิก เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อเตารีด ควรต้องเลือกรุ่นที่มีการระบุว่ามีคุณสมบัติกันติดด้วย เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล

  • คุณสมบัติพิเศษ
    สำหรับใครที่ต้องการความความสะดวกในการใช้งานที่มากขึ้น ก็ต้องมาพิจารณาเรื่องคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ โดยฟังก์ชันพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้หลักๆ เช่น คุณสมบัติป้องกันและทำความสะอาดตะกรัน เพิ่มพลังไอน้ำ ป้องกันน้ำหยด ปรับความร้อนอัตโนมัติ และ ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น  

              ใครรีดผ้าเองเป็นประจำ ก็อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปพิจารณาก่อนเลือกซื้อเตารีดมาใช้งานกันนะ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

‘อิเคล็คติก’ เทรนด์ใหม่ของการตกแต่งบ้าน

ทุกวันนี้มีเทรนด์การตกแต่งบ้านใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ สไตล์การตกแต่งบ้านก็ยิ่งมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่สไตล์โมเดิร์น คลาสสิก วินเทจ ทุกวันนี้ยังมีสไตล์ที่มีความเฉพาะตัวลงไปอีก เช่น สไตล์มินิมอล ทรอปิคอล แต่ถ้าชอบไปหลายสไตล์รวมกัน เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงและตอบโจทย์คนที่ชอบไปหมดทุกอย่าง คือ สไตล์แต่งบ้านแบบ “อิเคล็คติก” (Eclectic)

การแต่งบ้านสไตล์ อิเคล็คติก พัฒนามาจากสไตล์งานทัศนศิลป์และสถาปัตยกรรม โดยนำสไตล์ที่มีที่มาแตกต่างมารวมเข้าไว้ด้วยกัน แม้จะไม่ใช่สไตล์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง แต่จากการ Mix องค์ประกอบของศิลปะหลากสไตล์เข้าไว้อย่างลงตัวก็มีเสน่ห์ไม่แพ้สไตล์อื่นๆ เช่นกัน

เทคนิคแต่งบ้านสไตล์อิเคล็คติก

สไตล์อิเคล็คติกนั้น ไม่ใช่เพียงการเลือกของที่ชอบ มาจัดวางรวมๆ กัน แต่ควรมีหลักการและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความงามที่ลงตัว ดังต่อไปนี้

  • วาง Layout ให้ชัดเจน
    สไตล์อิเคล็คติก เป็นสไตล์ที่เสี่ยงต่อการตกแต่งออกมาแล้วรก หรือล้นเกิน และดูไม่รู้เรื่อง การวาง Layout ห้องให้ชัดเจน จะช่วยทำให้ห้องดูเรียบร้อยขึ้นได้ นอกจากนี้ผนังสีเรียบหรือสีพื้นจะช่วยให้การตกแต่งห้องสไตล์อิเคล็คติกง่ายขึ้น เพราะเป็นเหมือนแคนวาสให้เราระบายลวยลายและสีสันลงไปได้
  • ของตกแต่งหลากยุคหลายสไตล์
    คนที่อยากตกแต่งบ้านด้วยสไตล์อิเคล็คติกมักจะเป็นนักสะสมตัวยง ไม่ว่าจะเป็นแจกันโบราณ เครื่องจักสานจากชาวบ้าน หรือเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ จากต่างประเทศ จึงทำให้มีของสะสมมากมาย และอยากนำสิ่งเหล่านี้มาตกแต่งบ้าน ซึ่งเสน่ห์ของสไตล์อิเคล็คติก คือความหลากหลายที่ไม่ใช่แค่สิ่งของ เทคนิคที่จะแต่งบ้านสไตล์นี้ให้มีระดับ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงควรใช้ของตกแต่งจากหลายยุคและหลายสไตล์เข้ามาไว้ด้วยกัน เช่น เตียงนอนโบราณ พรมเปอร์เซีย โคมไฟโมเดิร์น และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ดูเรียบหรู เป็นต้น
  • หาสิ่งดึงดูดสายตา
    การแต่งห้องในสไตล์อิเคล็คติก เปรียบเหมือนการจัดองค์ประกอบของจิตกร เราสามารถสร้างความสนใจและเรื่องราวให้กับห้องแต่ละห้องด้วยสิ่งของที่สามารถดึงสายตาให้หันมอง ซึ่งอาจเป็นตู้เก่าโบราณ ภาพวาดของศิลปิน งานปฏิมากรรมสักชิ้น หรือจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูดีและโดดเด่นออกมาจากบรรยากาศห้องก็ได้

  • ใส่ความเป็นตัวเองลงไป
    สไตล์อิเคล็คติก จริงๆ แล้วเกิดจากความชื่นชอบในศิลปะสไตล์ต่างๆ ชอบสิ่งไหน สนใจสิ่งไหน ก็นำมาใช้สร้างสรรค์เป็นผลงานของตัวเราเอง ฉะนั้นจึงควรปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมาให้เต็มที่ เพื่อตกแต่งบ้านสไตล์อิเคล็คติกในแบบที่เป็นเรา

บ้านก็เป็นเหมือนผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งของเจ้าของ การตกแต่งบ้านจึงไม่มีถูกผิด ขอเพียงเราสนุกไปกับมัน และจงภูมิใจกับผลงาน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
เคล็ดลับในบ้าน

เคล็ดลับการเลือกซื้อ “เครื่องอบผ้า”

               เนื่องจากในการซักผ้านั้น เครื่องซักผ้าจะทำหน้าที่ให้แค่การปั่นหมาด และเราจะต้องนำเสื้อผ้าออกไปตากแดดต่อ ผ้าถึงจะแห้ง คนที่ไม่สะดวกซักผ้าในลักษณะนี้ จึงจำเป็นต้องมองหาตัวช่วย ที่จะช่วยให้การซักผ้าเสร็จเร็วขึ้น เครื่องอบผ้า จึงนับเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการซักผ้า เพราะช่วยอบให้ผ้าแห้งได้โดยไม่ต้องใช้เวลาในการตากแดดนาน รวมทั้งยังสามารถทำให้ผ้าแห้งได้ แม้ในเวลาที่ไม่มีแดดด้วย

เคล็ดลับก่อนเลือกซื้อเครื่องอบผ้า

               ปัจจุบันเครื่องอบผ้ามีหลายรุ่นและหลายยี่ห้อ และยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาให้เลือกใช้งานกันมากมาย วันนี้จึงมี เคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อเครื่องอบผ้ามาฝาก โดยก่อนเลือกซื้อ ให้พิจารณาจากสิ่งเหล่านี้

  1. พื้นที่สำหรับวางเครื่องอบผ้า
    เครื่องอบผ้าต้องมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป และบริเวณจุดตั้งวางควรมีอากาศถ่ายเทที่ดี เพราะเครื่องอบผ้าอาจมีความร้อนในการทำงาน ถ้าเลือกใช้เป็นเครื่องซักผ้าที่เป็นเครื่องอบผ้าในตัว ก็จะช่วยประหยัดพื้นที่ตั้งวางได้ แต่มีราคาแพงและใช้งานได้ไม่ดีเท่าเครื่องอบผ้าโดยตรง

  2. ฟังก์ชั่นการทำงานของเครื่องอบผ้า
    เครื่องอบผ้ามีหลายรุ่น และแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นในการใช้งานที่ต่างกันออกไป การจะเลือกซื้อรุ่นใดมาใช้ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน เพราะฟังก์ชั่นที่มีในเครื่องอบผ้านั้นมีทั้งโหมดถนอมเนื้อผ้า, เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้น, โหมดทำงานอย่างรวดเร็ว, ฟังก์ชั่นการทำงานตามประเภทของเนื้อผ้า เป็นต้น
  • ระบบเซ็นเซอร์
    ระบบเซ็นเซอร์ที่ดีจะเป็นตัวช่วยคอยตรวจสอบว่าผ้าแห้งหรือยัง และหยุดการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาแล้วก็ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ด้วย แต่เครื่องอบผ้าที่มีเซ็นเซอร์นั้นราคาก็จะแพงกว่าแบบธรรมดาพอสมควร
  • ดูงบประมาณ
    การวางแผนตั้งงบประมาณเอาไว้เบื้องต้น จะช่วยให้เลือกซื้อเครื่องอบผ้าได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น จากนั้นค่อยเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกัน
  • การรับประกันสินค้า
    อย่าลืมดูว่าเครื่องอบผ้าที่จะเลือกซื้อนั้น มีเงื่อนไขและระยะเวลาในการรับประกันสินค้าไหม ซึ่งถ้ามีการรับประกัน ก็จะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น และยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย


               การอบให้ผ้าแห้งเร็ว ควรเลือกผ้าชนิดเดียวกันอบพร้อมกัน เช่น เลือกผ้าที่มีเนื้อบางอบพร้อมกันก่อน 1 รอบ เพื่อให้ผ้าแห้งพร้อมกัน และใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงค่อยนำผ้าเนื้อหนาลงไปอบพร้อมกันอีกรอบ หากใครซักผ้ากลางวัน แล้วสามารถนำไปตากแดดต่อได้ แนะนำให้อบหมาด แล้วนำไปตากแดดต่อ แต่หากซักผ้ากลางคืน แนะนำให้อบแห้งสนิทไปเลย เพื่อลดโอกาสการเกิดกลิ่นอับ

ติดตามบทความ เคล็ดลับในบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

Rustic Home

บ้านสไตล์ชนบทอันแสนอบอุ่น

การแต่งบ้าน สไตล์รัสติก (Rustic) เหมาะกับคนที่อยากให้บ้านมีกลิ่นอายธรรมชาติสุดอบอุ่น หรือคนที่อยากมีบ้านผักตากอากาศที่มีเสน่ห์ในสไตล์ชนบท เพราะการตกแต่งสไตล์นี้เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติป็นหลัก เช่น หิน ไม้ เชือก หรือผ้า รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความสมบูรณ์ หรือความใหม่ของวัสดุ แต่ใช้ความงามจากวัสดุธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มาสร้างเสน่ห์และความงามเฉพาะตัวในแต่ละช่วงเวลา จับคู่กับการเลือกใช้สีโทนธรรมชาติและโทนอบอุ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่และมีเสน่ห์อย่างลงตัว เราไปดูกันดีกว่าว่าหากสนใจจะแต่งบ้านสไตล์นี้จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

งานไม้
แกนหลักของการแต่งบ้านสไตล์รัสติก คือการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้มาเป็นองค์ประกอบหลักของการตกแต่ง เน้นโชว์งานไม้เพื่อให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายธรรมชาติอย่างแท้จริง เช่น คานไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ อย่าง ชุดโต๊ะกินข้าว ตู้ไม้ และชั้นวางของไม้ เป็นต้น

กำแพงหิน
วัสดุธรรมชาติไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เท่านั้น ยังมีหินหรืออิฐที่สามารถนำมาใช้ตกแต่ง สร้างบรรยากาศแบบรัสติกในบ้านได้เป็นอย่างดี ในต่างประเทศจะนิยมนำหินมาทำเป็นเตาผิง แต่คงไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราเท่าไหร่ จึงแนะนำให้ใช้หินตกแต่งผนังด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้านแทน เพื่อเพิ่มมิติภายในบ้านให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

โซฟาผ้า
จุดเด่นของบ้านสไตล์นี้คือการสร้างความอบอุ่นภายในบ้าน และเทคนิคหนึ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ก็คือ การใช้โซฟาผ้าสีอ่อนอย่างสีเทาอ่อน แล้วประดับด้วยหมอนอิงน้อยใหญ่หลายๆ ใบ อาจปูพรมอีกสักผืนเพื่อเพิ่มความสบาย เพียงแค่นี้ก็ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นอีกมาก

โคมไฟแขวน
อีกหนึ่งของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์รัสติกได้ดี คือโคมไฟโครงเหล็กแบบแขวน ซึ่งจะสอดรับกับโครงหลังคาจั่วของบ้านสไตล์ฝรั่งชนบทที่มักใช้หลังคาจั่ว และติดตั้งโคมไฟแบบแขวน เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ควรเลือกใช้หลอดไฟสีส้มเป็นหลัก เพราะสีส้มเหลืองของหลอดไฟจะเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน ช่วยสร้างความอบอุ่นสบายตาภายในบ้านได้อีกระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้การตกแต่งสไตล์นี้จะเน้นใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลัก แต่หากเราตกแต่งบ้านทั้งหลังด้วยสีไม้ ก็อาจทำให้ดูเป็นบ้านพักกรมป่าไม้ไปหน่อย อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้ คือการหยิบเอาสีอ่อนๆ อย่างสีขาวเข้ามาช่วยในการตกแต่ง ซึ่งจะทำให้บ้านไม่เป็นสีโทนเดียวจนเกินไป แต่ก็ยังสามารถเข้ากันได้ดีกับสีไม้ หรือจะใช้เป็นสีเทาอ่อน หรือสีเขียวอ่อนก็ได้เหมือนกัน

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน

Categories
ไอเดียแต่งบ้าน

วิธีแต่งบ้าน ที่เรามักพลาดกันบ่อยๆ

เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจะแต่งบ้านให้ออกมาสวยดูดี เป็นที่เจริญหูเจริญตา ทั้งต่อตัวเจ้าของบ้านเอง และแขกผู้มาเยือน แต่บางครั้งเราก็อาจเผลอทำผิดพลาดขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว จากการมองข้ามวิธีการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ตามที่ควรจะเป็น จนทำให้บ้านออกมาไม่สวยน่ามองอย่างที่ต้องการ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีแต่งบ้านแบบผิดๆ ที่คนมักทำพลาดกันเป็นประจำมาฝาก จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย

ซื้อพรมขนาดเล็กเกินไป
พรมสวยๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ในการตกแต่งบริเวณมุมนั่งเล่นหรือข้างเตียงในห้องนอน ให้ดูสวยโดดเด่น น่าสนใจขึ้นมาได้เยอะเลยทีเดียว แต่การซื้อพรมมาผิดขนาด นอกจากจะไม่ช่วยให้ห้องดูสวยแล้ว ยังจะทำให้ห้องดูแคบลงไปอีก เพราะพรมที่เล็กเกินไป จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาในทันที ฉะนั้นควรเลือกซื้อพรมที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นๆ ด้วย

เลือกเฟอร์นิเจอร์ผิดขนาด
โดยทั่วไป คนเรามักจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในแบบที่ชอบไว้ก่อน โดยไม่ค่อยสนใจองค์ประกอบอื่นๆ กันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของขนาดที่พอดีกับพื้นที่ห้องของตัวเอง ทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไปมาแต่งบ้านกันบ่อยๆ ทางที่ดีจึงควรวัดขนาดพื่นที่ห้องให้เรียบร้อย ก่อนออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์

ใช้สีอ่อนกับห้องที่สว่างอยู่แล้ว
สำหรับห้องที่เปิดรับแสงมากอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง ที่เป็นสีสว่างๆ เช่น สีขาว สีครีม หรือสีเหลืองอ่อน มากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สีในห้องดูซีดหมอง ไม่สดใส ควรหาสีโทนเข้มมาช่วยเสริม เพื่อให้ห้องดูมีมิติ น่ามองมากยิ่งขึ้น

ไม่หาต้นไม้มาประดับเลย
แม้จะเป็นคนที่ชื่นชอบการตกแต่งแนวโมเดิร์น แต่ก็ควรเลือกไม้ประดับสวยๆ มาใช้ตกแต่งห้องด้วย เพราะต้นไม้จะช่วยให้บรรยากาศของห้องดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเยอะ และยังเข้ากับการตกแต่งได้ทุกสไตล์ นอกจากนี้ยังช่วยให้บ้านดูผ่อนคลายได้มากขึ้น จึงถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ใส่ของจุกจิกมากเกินไป
สาวๆ หลายคน มักจะมีของสะสมจุกจิกน่ารักๆ เยอะ และก็อยากเอาออกมาโชว์แขกที่มาเยี่ยมบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรจำกัดจำนวนของโชว์ ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องรกจนไม่น่ามอง ควรเลือกของแบบที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านมาวางไว้เพียงไม่กี่ชิ้นก็พอแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครรู้ตัวว่าพลาด ก็ลองไปปรับวิธีการตกแต่งกันดูใหม่นะ เพื่อจะได้ห้องสวยแบบที่ใจต้องการ

ติดตามบทความ ไอเดียแต่งบ้าน ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baaninspire.com

FB : คนรักบ้าน